“บิ๊กเต่า” ของขึ้นจวก 3 กรม ”ป่าไม้ – อุทยานฯ – ทะเล” ทำงานไร้ทิศทาง

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ได้มีข้อสั่งการถึงอธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ผ่านทางแอปพลิเคชัน ไลน์ พร้อมกับยกตัวอย่างข่าวสถานการณ์การบุกรุกผืนป่าทั้งป่าบกและป่าชายเลน ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมได้ ว่า หากพ้นจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและ คสช. ทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิม เพราะลำพังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อุทยานฯ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เลย ถูกบุกรุกมาตลอด ดังนั้น อธิบดี ทั้ง 3 กรมต้องใช้ภูมิปัญญาของหน่วยงานที่มีคิดว่าจะปรับโครงสร้างการจัดการหน่วยอย่างไรให้สามารถทำงานรักษาป่าไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตนให้เวลามาพอสมควรแล้ว ยังไม่มีทิศทาง หากคิดแต่เรื่องปลูกป่า เพาะกล้าไม้ ทวงคืนผืนป่า ฯลฯ แบบที่เคยทำมาคงรักษาป่าไม่ได้ เพราะโครงสร้างการจัดการหน่วยฯ ไม่ตอบรับกับภัยคุกคาม ผู้บริหารในแต่ละระดับหย่อนคุณภาพ ขาดอุดมการณ์ความมุ่งมั่นและไม่โปร่งใส ไม่สามารถรักษาป่าได้แน่นอน

รัฐมนตรี ทส.ระบุในข้อสั่งการต่อว่า ดังนั้นให้ ทั้ง 3 กรมส่งแนวคิดในการปรับโครงสร้างการจัดกรมที่คิดว่าจะต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยพึ่งพาหน่วยงานอื่นๆ น้อยที่สุด พึ่งพาตำรวจเรื่องการจับกุม พึ่งพาทหารกรณีเป็นกองกำลังหรือผู้มีอิทธิพบรายใหญ่ หากจับกุมคนบุกป่าหรือจับรีสอร์ต ยังต้องพึ่งพาทหารแบบนี้ไม่มีอนาคต การเพาะกล้าไม้ ต้องเปลี่ยนแนวความคิด เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้แล้วสอนให้ประชาชนนำไปเพาะเอง ต้องเปลี่ยนแนวความคิดเดิมๆ ที่ไม่ประสบผลได้แล้ว งบประมาณ ปี 2560 สามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งหมดและต่อเนื่องปี 2561 ต้องเป็นแผนงานเชิงปฎิรูปทั้งหมด โดยให้ปรับเปลี่ยนแนวคิดแผนงานต่างๆ ในปี 2560 และโครงสร้างการจัดหน่วยนำมาเสนอตนภายใน 1 เดือนและให้มีการประชุมปฎิรูปกลุ่มป่าไม้ ในวันที่ 31 มกราคม 2560

“เริ่มปฎิบัติงานปฎิรูป วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ผู้บริหารทุกระดับที่ไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ตามกรอบการปฎิรูปให้เสนอเพื่อปรับเปลี่ยนทั้งหมด หากไม่มีตำแหน่งให้เสนอมาให้ รัฐมนตรี ทส.พิจารณา ส่วน อธิบดี มีอำนาจเต็มที่ทุกประการต้องใช้ให้งานตามนโยบายเกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างปล่อยให้เป็นไปตามเดิมที่เคยทำกันและไม่ประสบผลสำเร็จ อย่ายึดติดกับงานประจำแบบเดิมๆ” พล.อ.สุรศักดิ์ ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อสั่งการดังกล่าวมีการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ข้าราชการทส. โดยเฉพาะประเด็นในเรื่องการพึ่งพากำลังทหาร และตำรวจ ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานในเรื่องการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า หรือการทวงคืนผืนป่ากำลังหลักก็เป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่ป่าไม้อยู่แล้วที่ดำเนินการเองมาโดยตลอด มีเพียงในระยะหลังเมื่อมีคำสั่ง คสช. ตามมาตรา 44 เรื่องการแก้ปัญหาทรัพยากรฯ เท่านั้นที่ทางทหารเข้ามาร่วม นอกจากนั้นข้อสั่งการของ รัฐมนตรีทส. หลายเรื่องก็สร้างความหนักใจให้กับบรรดาข้าราชการในทส.เนื่องจากไม่มีความเป็นรูปธรรมและปฏิบัติจริงได้ยาก เช่น การแก้ปัญหาเขาหัวโล้น ที่ให้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการฟื้นฟูเขาหัวโล้นโดยให้มีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่ยอดเขา ซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองทั้งงบประมาณและกำลังคน เป็นต้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image