ยธ.ช่วย 2 ลุงตัดไม้พะยูง อนุมัติเงินกองทุนช่วยประกันตัว ค่าจ้างทนายสู้คดี หากถูกสั่งฟ้อง

“ยธ.ช่วย 2 ลุงตัดไม้พะยูง อนุมัติเงินกองทุนช่วยประกันตัว ค่าจ้างทนายสู้คดี หากถูกสั่งฟ้อง ด้าน “กรมป่าไม้” แจงถ้าจะตัดต้องแจ้งจนท.ตามขั้นตอนเตรียมกฎกระทรวงเรื่องตัดไม้หวงห้ามที่ดินตนเอง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายทองสุข พันชมภู อายุ 82 ปี และนายเดิน จันทกล อายุ 70 ปี ซึ่งถูกจับดำเนินคดีกรณีตัดไม้พะยูงในที่ดินของตนเอง เดินทางมาเข้าพบนายธวัชชัย ไทยเขียว นางกรรณิการ์ แสงทอง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ และนายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ เพื่อร่วมกันหารือเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือ และถอดบทเรียนการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะดังกล่าวต่อไปในอนาคต

นายทองสุขกล่าวว่า ไม้พะยูงดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่นาของตน ซึ่งเมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหน้าฝนได้เกิดลมพายุพัดทำให้ไม้พะยูงดังกล่าวโค่นล้มขวางถนน ซึ่งตนก็ไม่ได้ไปตัด เพราะวันที่ไม้พะยูงโค่นล้มตนไม่ได้อยู่ที่นาดังกล่าว แต่อยู่ที่นาอีกแปลงหนึ่ง และไม่ได้มาดู ซึ่งไม่รู้ว่าไม้มันล้ม โดยผู้ใหญ่บ้านก็ไปเรียกตนมาบอกว่าตาไม้ของตามันล้มขวางถนนทำให้ชาวบ้านใช้สัญจรไม่ได้ และให้ตนไปตัดออก ซึ่งตนก็รีบมาทำและเมื่อตัดแล้ว ก็มีคนที่ผ่านไปผ่านมาได้แนะนำตนว่า ไม้นี้ผิดกฎหมายอย่าแตะอีกนะ เมื่อเสร็จจากการทำนาเกี่ยวข้าวเสร็จ ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนกับนายเดินก็นึกได้จะไปตัดไม้ที่มันค้างอยู่มาทำฟืนเผาถ่าน โดยใช้เวลาตัดตั้งแต่ 11.00-14.00 น. ได้ไม้ 4 ท่อน และกลับไปกินข้าว โดยคิดว่าวันหลังจะกลับมาทำต่อ ซึ่งไม้ที่ตัดแล้วก็วางไว้ที่เดิมไม่ได้ค้นย้ายไปไหน โดยไม่ได้คิดจะนำไม้พะยูงนี้ไปขายหรือทำอย่างอื่นเลย

IMG_5142

Advertisement

“ต่อมาวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผมไปช่วยงานบุญของคนในหมู่บ้านตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายสองโมง เมื่อใกล้เวลาจะแห่นาคเข้าโบสถ์ ก็มีผู้ใหญ่บ้านสองหมู่บ้านมาตามผมว่า ตามมานี่เดี๋ยว ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน จึงถามว่าจะพาไปไหน เขาก็บอกว่ามีเจ้าหน้าที่มารอผมอยู่ที่โคนไม้พะยูงที่ผมตัด เมื่อผมไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ถามผมว่า ใครเป็นคนตัดไม้พะยูงต้นนี้ ผมก็ตอบทันทีเลยว่าผมเป็นคนตัด และก็ถามผมต่อว่า จะเอาไม้ไปทำอะไร ผมก็บอกว่า จะเอาไปทำฟืนทำถ่าน ไม่ได้คิดจะเอาไปขายและหลังจากที่ตัดแล้วผมก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายไม้ไปไหน ก็วางไว้ที่เดิม ซึ่งวันนั้น กำนัน และผู้ใหญ่บ้านทั้ง 3 หมู่บ้านก็อยู่กับผมด้วย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวผมไปที่โรงพักและถูกดำเนินคดีในข้อหาลักลอบตัดไม้พะยูง ผมก็นอนที่โรงพัก 1 คืน ไม่รู้จะทำอย่างไร วันต่อมาผู้ใหญ่บ้านก็มาประกันตัวผม” นายทองสุขกล่าว

IMG_5143
ด้านนายธวัชชัยกล่าวว่า กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา ที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่า กระบวนการสร้างการรับรู้ความเข้าใจกฎหมายให้กับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงกระบวนการให้บริการประชาชนตาม พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนสำคัญของรัฐบาล โดยได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องรับไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลอย่างชัดเจนต่อไป สำหรับกรณีการตัดไม้พะยูงของนายทองสุข ทางกระทรวงยุติธรรมได้ลงไปให้การช่วยเหลือแล้ว ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมเพื่ออนุมัติวงเงินเพื่อใช้ในการขอยื่นประกันปล่อยตัวชั่วคราว และค่าจ้างทนายความ ถ้าคดีนี้พนักงานสอบสวนมีความเห็นว่าจะต้องส่งฟ้องอัยการ ซึ่งเราก็จะไปประกันตัวในชั้นอัยการ และช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพราะในชั้นสอบสวนนั้นทางผู้ใหญ่บ้านได้ไปประกันตัวก่อนหน้านี้แล้ว

นายอรรถพลกล่าวว่า สำหรับไม้พะยูง เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดในราชอาณาจักรตามมาตรา 7 ที่ได้แก้ไขตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 106/2557 และ 31/59 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ หรือเป็นไม้หวงห้ามธรรมดา ซึ่งการทำไม้จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับสัมปทานตามมาตรา 6 พ.ร.บ.นี้ แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2518 ก่อน ดังนั้น ไม้พะยูงจึงเป็นไม้ที่สามารถตัดได้ หากเป็นไม้ที่เกิดขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตัวเอง โดยก่อนที่จะทำการตัดไม้นั้น เจ้าของต้องไปแจ้งต่อนายอำเภอ หลังจากนั้น นายอำเภอจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ก่อนจะแจ้งผลการตรวจสอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้สามารถตัดไม้ได้หรือไม่ต่อไป

Advertisement

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า สำหรับในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการจับกุมนายทองสุขและนายเดินนั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้อยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นเรื่องดังกล่าวอาจไม่เป็นเช่นนี้ อีกทั้งการจับกุมก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจในการใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หลังจากทราบเรื่องแล้ว ทางกรมป่าไม้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบว่าไม้พะยูงนี้เป็นไม้แห้งและยืนต้นตาย อีกทั้งจากการสอบถามทราบว่านายทองสุขไม่ได้มีเจตนาที่จะตัดไม้เพื่อการค้าขาย เพียงแต่ที่ต้องตัดเพราะไม้โค่นล้มขวางการจราจร ซึ่งในส่วนนี้ทางกรมป่าไม้ได้ทำบันทึกส่งให้พนักงานสอบสวนไปประกอบการพิจารณาด้วยแล้ว

“สาเหตุที่ต้องให้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะตัดไม้พะยูงนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ที่ลักลอบตัดไม้พะยูงมักอ้างว่าเป็นการตัดไม้ในพื้นที่กรรมสิทธิ์ที่ตัวเองถือครองอยู่ แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นการตัดไม้พะยูงในพื้นที่ป่า จึงเป็นที่มาของกฎหมายและคำสั่ง คสช.ดังกล่าว เพื่อป้องกันการลักลอบตัดไม้พะยูงที่ปัจจุบันลดน้อยลง และให้เจ้าหน้าที่ได้พิสูจน์ทราบแน่ชัดก่อนว่าไม้พะยูงดังกล่าวเกิดขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิ์ของเจ้าของจริง” นายอรรถพล กล่าว และว่า ทั้งนี้ อยู่ระหว่างเตรียมออกกฎกระทรวงว่าด้วยเรื่องการทำไม้หวงห้ามในที่ดินกรรมสิทธิ์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเสนอกฤษฎีกา เรื่องให้ย้ายจากแจ้งนายอำเภอไปแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้จังหวัด โดยจะออกเป็นกฎกระทรวงต่อไป ซึ่งขณะนี้เรากำลังแก้กฎดังกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image