จับสองผัวเมีย ป่วยเป็นโรคปอด แอบขโมยสินสอดทองหมั้นมูลค่านับแสนบาท ขณะขโมยโรคกำเริบ “ไอ” เจ้าทุกข์จำได้แจ้งตำรวจจับได้ทั้งสองคนผัวเมีย
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 26 ธันวาคม พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.หนองคาย และรักษาการ ผบก.ภ.จว.หนองคาย พร้อมด้วย พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส ผกก.สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.ท.อรรถศักดิ์ ศิริพาณิชย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.วิเศษ ลานอุ่น รอง ผกก.(สืบสวน) พ.ต.ท.ณัฐวุฒ สีเสมอ สว.(สืบสวน) และกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้ทำการแถลงข่าวการจับกุมตัวนายณัฐพงศ์ บุญช่วย หรือ เพิก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 15 ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย และนางปัญญา ชานนท์ หรือ ญา อายุ 52 ปั อยู่บ้านเลขที่ 404 หมู่ 16 ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย สองสามีภรรยาในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) และข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยมี น.ส.รสริน สมศรีกุล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 1 ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนอคาย เป็นผู้เสียหาย
น.ส.รสริน กล่าวว่า เมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนอยู่บ้านเพียงลำพัง และตนได้วางกระเป๋าแบบสะพายสีดำ ภายในมีสร้อยคอทองคำรูปพรรณ หนัก 9 บาท เงินสด 7,000 บาท ซึ่งเป็นสินสอดทองหมั่นตนส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งเป็นสร้อยคอทองคำที่ตนสะสมไว้ ที่ตนเตรียมจะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้กับสามี โดยวางไว้บนโต๊ะใกล้หน้าต่างที่มีเหล็กดัด ตนได้ยินเสียงคนอย่างผิดสังเกตเหมือนมีคนแอบดูตนอยู่ข้างบ้าน จากนั้นตนจึงรีบเข้าไปอาบน้ำ โดยวางกระเป๋าไว้ที่เดิม ขณะนั้นตนได้ยินเสียงไอของคนข้างบ้าน เมื่ออาบน้ำเสร็จจึงออกมาเห็นกระเป๋าเคลื่อนจากจุดที่วางครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงหยิบกระเป๋าเข้าห้องนอน แต่ไม่ได้ตรวจดูทรัพย์สินในกระเป๋า กระทั่งเช้าวันที่ 23 ธ.ค. ตนไปเรียนวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี จึงตรวจดูก็พบว่าทรัพย์สินในกระเป๋าของตนหายไปทั้งหมด จากแจ้งให้อาจารย์ผู้สอนทราบและมีการตรวจค้นนักศึกษาทุกคนก็ไม่พบ จากนั้นจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองหนองคายให้ติดตามทรัพย์สินที่หายไปและจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ไพศาล เปิดเผยว่า หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรจ สภ.เมืองหนองคาย ได้จัดกำลังออกสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวคนร้าย ซึ่งจากคำให้การของผู้เสียหาย ทำให้การสอบสวนแคบลง เนื่องจากผู้ต้องสงสัยป่วยด้วยโรคปอดมีอาการไออย่างต่อเนื่อง และมีบ้านอยู่ข้างบ้านผู้เสียหาย หลังการรวบรวมพยานหลังฐานแล้วเสร็จ ในวันที่ 25 ธ.ค. จึงนำกำลังไปตรวจค้นที่บ้านพักของทั้งสองสามีภรรยา เมื่อไปถึงนางปัญญา ได้ตะโกนบอกนายณัฐพงศ์ สามีว่า ตำรวจมา จากนั้น นางปัญญา ได้วิ่งขึ้นไปบนบ้านและกระโดดจากชั้น 2 ของบ้านเพื่อหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวไว้ได้ โดยนางปัญญา สะพายกระเป๋าสีแดง-ดำ อยู่ พบสร้อยคอทองคำ 1 เส้น แหวนทองคำ 1 วง เงินสด 41,300 บาท จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนนายณัฐพงศ์ วิ่งหลบหนีการจับกุมไปได้
จากการสอบสวนนางปัญญา ให้การรับสารภาพว่า สร้อยคอทองคำและแหวนทองคำ เป็นทรัพย์สินที่นายณัฐพงศ์ สามีขโมยมาจากบ้านของ น.ส.รสริน ส่วนเงินสด 41,300 บาท ตนและสามีได้ร่วมกันนำสร้อยคอทองคำที่ขโมยมาจากบ้านของ น.ส.รสริน ไปขายที่ร้านทองในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้นำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อยาบ้ามาเสพ จึงแจ้งข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)
ต่อมา เมื่อเวลา 11.00น. วันที่ 26 ธ.ค. 59 ตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย สืบทราบว่า นายณัฐพงศ์ ได้หลบหนีการจับกุมอยู่น่าละเมาะ หลังสนามกอล์ฟวิคตอรี่ พาร์ค กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนอคาย จึงจัดกำลังออกติดตาม พบนายณัฐพงศ์ กำลังทำทีเป็นขุดดินอยู่ เมื่อนายณัฐพงศ์ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงกับตกตะลึง พร้อมล้วงเอากระเป๋าสีดำขนาดเล็ก ออกจากกระเป๋ากางเกงด้านขวา ทิ้งลงในพงหญ้า และพยายามจะวิ่งหลบหนีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวไว้ได้ จากการตรวจค้นในกระเป๋าพบสร้อยคอทองคำ 2 บาท 1 เส้น สร้อยคำทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือหนัก 1 บาท 1 เส้น และแหวนทองคำ หนัก 1 สลึง 1 วง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายณัฐพงศ์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นทรัพย์สินที่ขโมยมาจากบ้าน น.ส.รสริน ทั้งสิ้น และรับว่า ยังมีกระเป๋าหนังใส่ธนบัตรสีน้ำตาล อีก 1 ใบที่ซุกซ่อนไว้ที่บ้านเลขที่ 404 หมู่ 16 จึงเข้าทำการตรวจยึดดังกล่าว ซึ่ง น.ส.รสริน มาดูของกลางแล้วยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตน จึงตั้งข้อหาสองสามีภรรยาเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา คือ ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนอีกด้วย และจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบว่า นายณัฐพงศ์ บุญช่วย หรือ เพิก เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน เมื่อปี 2557 อีกด้วย จึงควบคุมตัวทั้งสองสามีภรรยาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
