ผอ.รพ.อุ้มผาง ขอบคุณ ปลัดสธ. กู้วิกฤตการเงิน เผย จำเป็นต้องช่วยเหลือเพื่อนบ้านตามหลักมนุษยธรรม

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มอบแนวทางช่วยเหลือ รพ.อุ้มผาง ที่ขาดสภาพคล่องพร้อมจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือ ว่า ต้องขอขอบคุณปลัดสธ. และสื่อมวลชนที่สนใจปัญหาชาวบ้านตามแนวชายแดน ซึ่งล่าสุดท่านปลัดกระทรวงฯ ได้จัดสรรงบฯ ให้ รพ.อุ้งผาง 20 ล้านบาท และเป็นงบเหลือจ่ายให้ รพ.ได้ชำระหนี้อีกรวมเป็นเงิน 30 ล้านบาท ซึ่งก็จะช่วยในเรื่องงบประมาณได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสาธารณสุขชายแดน ไม่ใช่แค่ รพ.อุ้มผาง แต่ยังมีชายแดนอื่นๆ อีก อย่างเรื่องการปรับเกลี่ยหมุนเวียนแพทย์ปฏิบัติงานนั้น มีการดำเนินการทั้งประเทศในรูปแบบเขตสุขภาพ ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย “หนึ่งจังหวัดหนึ่งโรงพยาบาล” (One Province One Hospital)

“รพ.อุ้มผาง ก็มีการดำเนินการตามนโยบาย One Province One Hospital โดยผมเป็นหนึ่งในคณะทำงานในการจัดสรรแพทย์ประจำบ้านของเขตสุขภาพที่ 2 ทำให้รู้ว่า การปรับเกลี่ยแพทย์ไม่ใช่ว่าจะทำได้ตามต้องการทั้งหมด เนื่องจากจำนวนทั้งประเทศมีจำกัด ทรัพยากรมีแค่นี้ การปรับเกลี่ยในพื้นที่ก็จะได้ประมาณหนึ่ง ซึ่งในส่วนรพ.อุ้มผาง ได้น้องหมอมาช่วยเพิ่ม 2 คน ซึ่งถือว่าดีมากแล้ว” นพ.วรวิทย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามกรณีการหมุนเวียนแพทย์จบใหม่ปรับเป็น 3-4 เดือน จาก 1-2 ปีจะช่วยได้หรือไม่ นพ.วรวิทย์ กล่าวว่า การหมุนเวียนแพทย์ต้องหารือกันในรูปแบบจังหวัดหรือเขตสุขภาพนั้นๆ สำหรับรพ.อุ้มผาง ถือว่าได้มาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากต้องดูภาพรวม เพราะกระทรวงสาธารณสุข ทำเต็มที่แล้ว ที่เหลือเป็นปัญหาด้านทรัพยากร ซึ่งไม่มีจริงๆ ทั้งระบบ อย่างที่ผ่านมา รพ.อุ้มผาง มีทุนแพทย์ประจำบ้าน มีทุกสาขา แต่กลับไม่มีน้องมาเอาทุน ซึ่งก็บังคับไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาขาดสภาพคล่องของ รพ. ถือว่าวิกฤตระดับ 7 สีแดงใช่หรือไม่ นพ.วรวิทย์ กล่าวว่า ใช่ เนื่องจากหากพูดถึงสภาพคล่องก็จะมี 0-7 เราก็ระดับ 7 เนื่องจากรพ.อุ้มผาง จะมีคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมารับบริการด้วย อย่างชาวบ้าน ซึ่งเป็นคนกระเหรี่ยงฝั่งประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีคนที่ข้ามชายแดนมา ทั้งหนี้ภัยสงคราม บาดเจ็บ คลอดบุตร มีหมด เพราะการแพทย์การสาธารณสุขฝั่งเมียนมา ล้าหลังกว่าไทยไป 30-40 ปี และเขาสู้รบกันด้วย ซึ่งพวกเขาไม่มีที่พึ่ง เขาก็ต้องข้ามมาเพื่อพึ่งพาประเทศไทย ดังนั้น เราก็ต้องช่วยตามหลักมนุษยธรรม

“หากพูดถึงแนวทางแก้ปัญหาระยะยาว อยากเรียนนำเสนอ ผู้บริหารระดับสูง ขอให้ท่านให้ความสำคัญกับงานสาธารณสุขชายแดนครอบคลุมทั้งประเทศ ที่ผ่านมามีการดำเนินงานด้านสาธารณสุขชายแดนมีการทำกัน แต่ผู้บริหารที่เคยทำเมื่อเกษียณไป ก็อาจไม่ต่อเนื่อง จึงขอท่านผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญ ทั้งเรื่องกำลังคนทำงานชายแดน งบประมาณ หรือตั้งกองทุนเฉพาะ” นพ.วรวิทย์ กล่าว

ADVERTISMENT

ผอ.รพ.อุ้มผาง กล่าวว่า การให้ความสำคัญงานสาธารณสุขชายแดน จะไม่ใช่แค่การช่วย รพ.อุ้มผาง เท่านั้น แต่จะช่วย รพ.ที่อยู่ตามแนวชายแดนต่างๆ อีกจำนวนมาก จะช่วยได้ทั้งประเทศไทย ที่ผ่านมาเคยดำเนินการมาก่อน แต่จะเป็นช่วงๆ ดังนั้น งานก็ไม่ต่อเนื่อง จึงขอความเมตตาให้ชาวบ้านชายขอบ เรื่องงานสาธารณสุขชายแดนด้วย ไม่ใช่แค่ไทยเมียนมา ยังมีไทยลาว ไทยกัมพูชา ซึ่งปัญหาก็จะแตกต่างกันไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image