นายสิงหเดช ชูอำนาจ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมากรมการจัดหางานได้รับแจ้งความต้องการแรงงานจากนายจ้าง/ สถานประกอบการ จำนวน 32,728 อัตรา บรรจุงานได้ 20,149 คน คิดเป็นร้อยละ 61.57 อุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต 13,499 อัตรา รองลงมาคือ การขายส่ง การขายปลีก ซ่อมยานยนต์, จักรยานยนต์ และที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 2,338 อัตรา อาชีพที่มีความต้องการมากที่สุดคือ อาชีพงานพื้นฐาน (แรงงานทั่วไป, แรงงานด้านการผลิต) รองลงมาคือ พนักงานบริการ พนักงานขาย เสมียน เจ้าหน้าที่/ช่างเทคนิคและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ปฏิบัติงานโดยใช้ฝีมือธุรกิจต่าง ๆ ขณะที่ตำแหน่งงานที่นายจ้าง/ สถานประกอบการต้องการ 5 อันดับแรก คือ แรงงานทั่วไป แรงงานด้านการผลิต พนักงานขาย/ ผู้นำเสนอสินค้า พนักงานธุรการและพนักงานขับรถยนต์
นายสิงหเดช กล่าวว่า ความต้องการแรงงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง กรุงเทพและปริมณฑล ร้อยละ 62.09 รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือตามลำดับ กรมการจัดหางานได้ทำการวิเคราะห์ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอาชีพในปี 2558 – 2562 โดยพบว่าอาชีพที่มีแนวโน้มอัตราการขยายตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. นักบำบัดด้านการฟังและการพูด 2. นักกายภาพบำบัด 3. ครูสอนขับรถ 4. เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ และ 5. แพทย์ชำนาญการเฉพาะทาง
“เยาวชนที่จะเลือกเรียนสาขาใดในปัจจุบันควรพิจารณาข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้รอบด้าน เช่น ข้อมูลด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมเป็นต้น สำหรับคนหางานใดสนใจจะสมัครงานสามารถสมัครได้ทาง Mobile Application “Smart Job Center” หรือติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ หรือสอบถามรายละเอียดข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 หากต้องการจะพัฒนาฝีมือเพื่อช่วยในการหางานและเพิ่มรายได้ติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด” อธิบดีฯ กล่าว
