เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่สโมสรตำรวจ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองเดินทางมาพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อยื่นกล่าวโทษต่อคณะกรรมการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นนอมินีซื้อขายที่ดิน ในข้อข้อหาทำเอกสารอันเป็นเท็จ, จัดตั้งบริษัทนอมินี และฟอกเงิน เพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาสอบปากคำ
นายชูวิทย์ กล่าวว่า เอกสารหลักฐานที่นำมายื่นต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีใจความสำคัญอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ ที่ดินถนนสารสิน และทองหล่อ ขอให้มีการตรวจสอบว่ามีการกระทำการหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ ในส่วนนี้ตนมีรายละเอียดว่าการโอนที่ดินดังกล่าวมีการแยกโอน 12 คน 12 วัน ใช้เวลารวมสาเหตุ 3 อาทิตย์ เพื่อเป็นการเลี่ยงจ่ายภาษีแบบกลุ่มบุคคล ที่ผ่านมากรมที่ดิน, กรมสรรพากรและคำพิพากษาล้วนมีการตัดสินพฤติการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้ว แต่การที่ตนนำข้อมูลที่สำคัญมาให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อให้เรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวนว่าพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการหลบเลี่ยงภาษี ไม่ใช่การวางแผนภาษี หวังว่ารอง ผบ.ตร.จะทำเรื่องนี้ให้ปรากฏ ส่วนวันที่ 21 สิงหาคมนี้ จะจัดแถลงข่าวเป็นตอนสุดท้ายจะเปิดเผยข้อมูลให้เห็นธาตุแท้ของนายทุน ส่วนตัวไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องประเด็นการเมือง จึงขอรบกวนพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ในฐานะเป็นคนตรงไปตรงมาและชัดเจนหวังว่าบ้านเมืองนี้จะมีคนที่ชัดเจนตรงไปตรงมา แค่สอบแม่บ้าน สอบรปภ. สอบเจ้าของที่ดินเก่าก็ถือว่าจบแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีผู้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าการขายที่ดินของบริษัทของลูกนายชูวิทย์มีการขายที่ดินมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทและหลบเลี่ยงภาษีกว่า 900 ล้านบาทพฤติการณ์นี้เหมือนของบริษัทเศรษฐาหรือไม่ ชูวิทย์ กล่าวว่า บริษัทของลูกตนไม่มีนอมินี พร้อมถามกลับสื่อมวลชนว่า รู้ไหมว่าตนเรียนจบอะไร เรียนจบภาษี
เมื่อถามว่าทำไมต้องมีการจัดแถลงครั้งสุดท้ายใกล้วันโหวตนายกรัฐมนตรี นายชูวิทย์ กล่าวว่า เพราะมีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาสั่งการต่างๆ แต่ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อ ขอเก็บเรื่องนี้ไว้กับตนถึงวันตาย อย่างเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม มีคนโทรสั่งการไม่ให้ตำรวจมารับเรื่องร้องเรียน ขอฝากไปถึงคนที่สั่งการว่า การกระทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์ และที่บอกว่าเคลียร์หมดแล้ว จ่ายเงินหมดแล้วขอบอกว่าไม่เคยรับเงินใคร และการที่เอาเรื่องลูกตนมาพูด ตนเป็นคนมีทรัพย์สินอยู่แล้วเรื่องนี้ไม่จำเป็น คนที่รับเงิน 20 ล้านบาทมาเพื่อโจมตีฟังให้ดี รู้หมดแต่ขอยืนยันว่ามีข้อมูลที่นำมาเสนอ
ด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ที่ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบจะรับเรื่องไว้ดำเนินการทั้งหมดและจะตรวจสอบทุกกรณีเพื่อจะทำให้ความจริงปรากฏต่อสังคมอย่างตรงไปตรงมา จากนี้จะสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด หากพบการกระทำผิดส่วนไหนก็จะดำเนินการในส่วนนั้น โดยหลังจากรับเอกสารแล้วจะขอพูดคุยกับนายชูวิทย์ถึงประเด็นต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการดำเนินการต่อไป เรื่องนี้จะพยายามเร่งรัดดำเนินการให้เร็ว การสอบพยานบุคคลต่างๆ ถ้าเข้าข่ายความผิดก็ต้องดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ แต่ถ้าไม่ผิด ก็ต้องไม่ผิด บ้านเมืองมีระบบตรวจสอบใครจะโกหกใครทำไม่ได้ ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา