แพทย์แนะผู้ขับขี่รถ “ง่วงให้จอดงีบ” ชี้ก๊งน้อยๆ ก็มีผลตัดสินใจช้ากว่าปกติ2เท่าตัว

เมื่อวันที่ 1 มกราคม นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าประชาชนจะเริ่มเดินทางกลับเข้าทำงานหลังหยุดยาวฉลองเทศกาลปีใหม่ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ปัญหาหลับใน เนื่องจากวันส่งท้ายปีเก่าและรับปีใหม่มักจะมีการดื่มเฉลิมฉลองกันมาก อาจส่งผลให้พักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการง่วงนอน และเมาค้างจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะมีผลทำให้สมองตื้อ อ่อนเพลีย หากขับรถจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุง่ายขึ้น ดังนั้น ผู้ขับขี่รถควรเตรียมตัวล่วงหน้า พักผ่อนให้เต็มที่อย่างน้อย 8 ชั่วโมง งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกินยาที่ออกฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอ ยานอนหลับ ยาคลายเครียด ยากันชัก เป็นต้น หากมีผู้ผลัดเปลี่ยนขับรถได้จะเป็นการดี

“ในระหว่างเดินทาง ขอให้ผู้ขับขี่หรือผู้ที่นั่งมาด้วย ช่วยกันสังเกตสัญญาณของอาการง่วง หลับในของผู้ขับ ซึ่งมี 8 ประการ ได้แก่ 1.หาวบ่อยและต่อเนื่อง 2.ใจลอยไม่มีสมาธิ 3.รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด กระวนกระวาย 4.จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาในช่วง 2- 3 กิโลเมตรที่ผ่านมา 5.รู้สึกหนักหนังตา ลืมตาไม่ขึ้น ตาปรือ มองเห็นภาพไม่ชัด 6.รู้สึกมึนหนักศีรษะ 7.ขับรถส่ายไปมาหรือออกนอกเส้นทาง และ 8.มองข้ามสัญญาณไฟ และป้ายจราจร หากมีอาการดังกล่าวเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ให้หยุดขับรถอย่าฝืนขับเด็ดขาด และจอดรถในที่ปลอดภัยเพื่องีบหลับประมาณ 15 นาที ก่อนขับต่อ หรือเปลี่ยนให้ผู้อื่นขับรถแทน ทั้งนี้ การง่วงนอน มีผลต่อการขับขี่รถ จะทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างช้าลง สมองตื้อ การตัดสินใจผิดพลาด ใจลอย สมองสั่งการกล้ามเนื้อช้าลง เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน จึงแตะเบรกได้ช้ากว่าปกติ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้ว่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดคือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ก็ตาม จะมีผลต่อการตัดสินใจช้ากว่าปกติถึง 2 เท่าตัว” นพ.โสภณ กล่าวและว่า วิธีการแก้ง่วงขณะขับรถ มีหลายวิธี เช่น กินของขบเคี้ยวที่มีรสเปรี้ยวหรือดื่มเครื่องดื่มแช่เย็น เปิดหน้าต่างรถ เปิดเพลงฟังดังๆ จังหวะเร็ว และร้องตามไปด้วย หรือจอดนอนพักในที่ปลอดภัย และเมื่อขับรถทางไกล 4 ชั่วโมงต้องหยุดพัก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image