ชาวจ.ตรัง กราบพระบรมศพปีใหม่ น้อมนำ “เศรษฐกิจพอเพียง” ปลดหนี้ 3 แสนได้ใน 3 ปี

แฟ้มภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นวันแรกของปี 2560 และเป็นวันที่ 64 ที่เปิดให้ประชาชนเข้าร่วมสักการะ ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศยังคงต่อแถวเพื่อสักการะพระบรมศพอย่างเนืองแน่นและต่อเนื่อง แม้ว่าอากาศในวันนี้จะมีแดดค่อนข้างแรง

นางปรานี เรื่องสกุลไพศาล อายุ 46 ปี ชาวสวนยางพารา หมู่บ้านลำปลอก ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ที่เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว และเพื่อนบ้าน จำนวน 12 คน ด้วยรถตู้ 1 คัน กล่าวว่า แม้ว่าในช่วงชีวิตจะไม่เคยได้มีโอกาสรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เลย แต่ส่วนตัวก็รู้สึกรัก และผูกพันกับพระองค์มากอย่างมาก เพราะพระองค์ ได้ทำเพื่อนคนไทยนานับประการ มีโครงการอันเนื่องพระราชดำริจำนวนมาก เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเมื่อได้มากราบสักการะพระองค์ ก็เปรียบเสมือนกับการได้มาส่งเสด็จพระองค์ แค่นี้ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากแล้ว

นางปรานี กล่าวอีกว่า แม้ว่า จ.ตรัง จะไม่มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 แต่ชาวจ.ตรังก็ได้รับประโยชน์มากมายจากพระราชกรณียกิจของพระองค์ โดยเฉพาะแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ชาวหมู่บ้านลำปลอก ต.ปะเหลี่ยน ได้น้อมนำมาปฏิบัติและประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต มีการปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกข้าวแซมสวนยาง ปลูกกล้วยหอม และเลี้ยงสัตว์ อาทิ ไก่ไข่ เเพะ หมู ไว้รับประทานเอง ที่เหลือก็นำไปจำหน่ายในตลาดชุมชนเดือนละ 2 ครั้ง จนทำให้สามารถลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือน อดออมจนสามารถปลดหนี้ที่กู้ยืมมาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 3 แสนบาทได้หมดในระยะเวลาเพียงไม่ 2 – 3 ปี

“การนำเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ ยังได้มีการขยายไปยังครัวเรือนอื่นๆ จนทำให้หน่วยงานภาครัฐได้ยกย่องให้หมู่บ้านลำปลอกเป็นหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง จากแรกเริ่มที่มีเพียง 5 – 10 ครัวเรือนเท่านั้น ขณะนี้ขยายผลได้ถึง 60 ครัวเรือน ชาวบ้านทุกคนที่นำแนวคิดของพระองค์มาใช้ล้วนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บางรายจากเป็นหนี้สินจำนวนมาก ก็สามารถปลดหนี้ได้ ไม่มีฐานะยากลำบากและยากจนอีกต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้” นางปรานีกล่าว

Advertisement
นางปราณี (คนที่ 3 จากขวา) และครอบครัว
นางปราณี (คนที่ 3 จากขวา) และครอบครัว

นางวิไล ชินหทัยวัฒน์ เดินทางมาจาก จ.เพชรบูรณ์ โดยนัดแนะกับเพื่อนที่พักในกทม.มาร่วมสักการะพระบรมศพในวันแรกของปีที่ทางสำนักพระราชวังเปิดให้เข้ากราบสักการระพระบรมศพเพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ เผยว่า มีธุรกิจของตัวเองอยู่ที่เพชรบูรณ์ ช่วงปีใหม่เลยถือโอกาสเข้ามากทม.เพราะคิดว่าสวนกับคนกทม.ที่เดินทางออกไปเที่ยวต่างจังหวัด มากราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่ตี 4 รู้สึกตื้นตันใจมาก ยิ่งเห็นมวลชนที่มาต่อแถวมากมายแล้วยิ่งรู้ชัดว่าคนไทยรักพระองค์มากขนาดไหน มาครั้งนี้รู้สึกดีใจมากจริงๆ แต่คิดว่าจะมาเพียงครั้งเดียวเพราะอยากเปิดโอกาสให้คนที่ยังไม่เคยมาได้มีโอกาสดีๆ อย่างนี้บ้าง เพราะการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ไม่ใช่เพียงแค่การเดินทางมากราบเท่านั้น หากแต่เป็นการนำคำสอนของพระองค์ท่านไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่า โดยส่วนตัวก็ได้นำความประหยัดและความพอเพียงมาใช้เช่นกันพร้อมทั้งถ่ายทอดให้คนรอบข้างด้วย

นางวิไล (ซ้ายสุด)
นางวิไล (ซ้ายสุด)

ขณะที่นางปรียา ชงัดเวช วัย 64 ปี พร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวรวม 6 คน กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นวันหยุดพิเศษที่ทุกคนในบ้านสามารถหยุดพร้อมกันได้ จึงตั้งใจชวนกันมากราบพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นสิริมงคลรับวันปีใหม่ โดยเดินทางมาจากบ้านพักย่าน จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ตี 4 ได้เข้ากราบสักการะตอน 9 โมงเช้าซึ่งถือว่ารอไม่นานเลยเมื่อเทียบกับครั้งก่อน

“มาในช่วงปีใหม่ถือว่าเป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัวมาก ตอนขึ้นไปกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศรู้สึกดีมาก พร้อมอธิฐานขอให้พระบารมีของพระองค์ปกปักรักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป ทั้งยังขอพรให้ตัวเองและครอบครัวขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ที่ผ่านมาได้นำคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ด้วย เนื่องจากครอบครัวของเราเป็นครอบครัวใหญ่ จึงปลูกผักสวนครัวไว้กินเองในบริเวณบ้าน อาทิ พริก ตะไคร้ ใบมะกรูด ช่วยให้ประหยัดไปได้มาก ทั้งยังสอนลูกหลานในเรื่องการใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด สอนให้เป็นคนดีไม่เอาเปรียบใคร และต้องมีน้ำใจกับคนที่ด้อยโอกาสกว่าเราด้วย” นางปรียา กล่าว

Advertisement
ครอบครัวชงัดเวช
ครอบครัวชงัดเวช
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image