เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พร้อม พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รรท.ผบก.น.8 พ.ต.อ.ชูศักดิ์ เตชะรักษ์พงษ์ ผกก.สส.บก.น.8 พ.ต.อ.ธนวรรธน์ ตาระกา ผกก.สน.ตลิ่งชัน แถลง กก.สส.บก.น.8 จับกุมตัว นายบุญฤทธิ์ หรือกบ เต๊าะแอ อายุ 24 ปี และนายจักรกฤษดิ์ หรือมัน มะลิวัลย์ อายุ 22 ปี ชาวกทม. พร้อมของกลาง ยาบ้า 57,420 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 4 ถุง น้ำหนักรวม 3.88 กิโลกรัม กัญชา น้ำหนักรวม 178 กิโลกรัม อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 ยี่ห้อสมิท แอนด์ เวสสัน 2 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38จำนวน 11 นัด และ 11 มม. จำนวน 35 นัด รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น พีซีเอ็กซ์ สีแดง ทะเบียน 3 กศ 1440 กรุงเทพมหานคร 1 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง และเครื่องชั่งน้ำหนัก 2 เครื่อง หลังรับแจ้งจากสายลับว่าทั้งสองมีพฤติการณ์ลักลอบค้ายาเสพติด ตระเวนขายภายในซอยพัฒนาการ 69 และพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นยานพาหนะนำยาเสพติดที่ซุกซ่อนไว้ที่บ้านเลขที่ 54/327 ซอยพัฒนาการ 69 แยก กระจายต่อให้ลูกค้าตามจุดที่นัดไว้ ทางเจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุมได้ โดยนำกำลังซุ่มอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว จนพบนายบุญฤทธิ์และนายจักรกฤษดิ์ขี่รถจักรยานยนต์ มาจอดไว้มาที่หน้าบ้าน ถือสิ่งของต้องสงสัยออกมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว เพื่อตรวจค้นและตามจับได้ ขยายผลพบอาวุธปืน
สอบสวนรับว่ารับยาดเสพติดมาจาก ชายที่เรียกว่า “พี่” ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ ให้ไปรับยาเสพติดที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ตามจุดนัดพบ แต่ละครั้งคนที่ติดต่อมาจะซ่อนกุญแจรถไว้ด้วย เพื่อให้ขับรถนำยาเสพติดไปเก็บไว้ที่บ้านพัก ย่านพัฒนาการ เมื่อขนย้ายยาเสพติดหมดแล้วจึงนำรถกลับไปจอดคืน จากนั้น นายบุญฤทธิ์และนายจักรกฤษดิ์ จะขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นำยาเสพติดไปวางไว้ตามจุดนัดหมาย เพื่อรอให้ลูกค้ามารับไป โดยทำมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างขึ้นอยู่กับจำนวนที่ส่งขาย ได้เงินมาจะนำใช้จ่ายกินเที่ยวทั่วไป ส่วนอาวุธปืนนั้น ซื้อมาเก็บไว้ ไม่เคยใช้ทำร้ายใคร เบื้องต้น แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ แถลงเพิ่มเติมว่า อีกคดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุม นายอภิลาภ หรือติ๊ก ศรีกระจ่าง อายุ 25 ปี อาชีพรับจ้างตัดอ้อย ชาว จ.ลพบุรี พร้อมของกลาง ยาไอซ์ชนิดเกล็ด สีขาวขุ่น บรรจุในถุงพลาสติกรูปใบชาเขียว 5 ถุง รวม 5 กิโลกรัม โดยจับกุมที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชน กทม. เนื่องจากรับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการลักลอบนำยาเสพติดไปยังภาคใต้ ด้วยรถโดยสารประจำทางมาที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ(สายใต้) จึงนำกำลังเฝ้าตรวจสอบ จนกระทั่ง พบนายอภิลาภ ลักษณะตรงกับที่สายลับแจ้งไว้ สะพายกระเป๋าเป้สีส้มดำ ท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจค้น พบยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติก จึงยึด จับกุมตัวและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน สอบสวนรับว่า ติดต่อผ่านโทรศัพท์จากนายเอ็ม ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง อายุประมาณ 25 ปี อ้างว่าพักอยู่ในจ.นครสวรรค์ ว่าให้ไปรับยาไอซ์ ซึ่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก บริเวณริมถนนสายเอเซีย อ.บางประหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อได้รับของแล้วจึงใส่รวมไว้ในกระเป๋าเป้ของตัวเอง ก่อนเดินทางไปพักที่โรงแรมบริเวณ อ.บางประหัน จากนั้น ให้ตนขนยาไอซ์ไปส่งที่ จ.ชุมพร ในวันที่ 7 มกราคม พอไปถึง บขส.ชุมพร นายเอ็มจะติดต่อมาอีกครั้งโดยบอกว่าเมื่อเสร็จงานจะให้ค่าจ้าง ทำลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง เพื่อหาเงินไปใช้จ่ายทั่วไป ตำรวจแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมยาเสพติดอย่างต่อเนื่องพยายามทำลายเครือข่ายใหญ่ พยายามป้องกันการลำเลียงโดยเฉพาะจากทางภาคเหนือ ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คดี พบว่าก่อนหน้านี้ก็เคยทำมาแล้ว ส่วนลักษณะและเส้นทางลำเลียงนั้น จะมีคนคอยสั่งในการรับส่งของ เช่น กรณีจับยาไอซ์ของสน.ตลิ่งชัน ก็มีคนสั่งการผู้ต้องหาให้ไปรับของ เพื่อส่งลงภาคใต้ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง พร้อมใช้ดำเนินการยึดทรัพย์ตามกฎหมายอย่างจริงจัง และจะตัดเครือข่ายยาเสพติดเหล่านี้ให้ได้ต่อไป //