สืบเนื่องจากประเด็นอุบัติเหตุจากรถ “ป้ายทะเบียนจีน” ที่เกิดขึ้นบนท้องถนนในจังหวัดทางภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง ซึ่ง “มติชนออนไลน์” ได้มีการนำเสนอไว้ในรายงานเรื่อง “รู้มั้ยทำไมรถ ‘ทะเบียนจีน” เต็มเมืองเหนือ? บทเรียน ‘อุบัติเหตุ’ ที่ต้องเร่งหาทางแก้” ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ได้เกิดกระแสคอมเมนต์จากประชาชนในพื้นที่ผ่านสื่อโซเซียล พูดถึงปัญหาเดียวกันที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างคับคั่ง
ตามติดต่อในประเด็นดังกล่าว สำหรับมาตรการในการแก้ปัญหานี้ แต่ละฝ่ายแต่ละหน่วยงานมีมุมมองและข้อเสนอในการแก้ไขอย่างไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้น?
เริ่มต้น จิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ที่ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ได้มีการดำเนินบูรณาการร่วมกันสามฝ่ายระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กรมศุลกากร และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อวางมาตรการในการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน โดยในขณะที่ได้มีการประกาศและมีข้อตกลงร่วมกับทาง สปป.ลาว เป็นที่เรียบร้อย ส่วนประเทศจีนกำลังมีดำเนินการให้มีข้อตกลงร่วมกับทางประเทศจีนและจะมีการออกประกาศต่อไปในอนาคต
“ขณะนี้ทางกรมศุลกากรได้มีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาได้เพียงชั่วคราว แต่ต่อไปจะต้องมีการขออนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกล่วงหน้าว่าจะเข้ามาท่องเที่ยวในเส้นทางใด มีใครเป็นทัวร์นำทางมาไปพื้นที่ใด คนขับมีใบขับขี่ที่ตรงตามประเทศเราใช้หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดจะต้องมีการตรวจสอบและขออนุญาตล่วงหน้าจึงจะให้เข้ามาในประเทศได้ นอกจากนี้ จะมีการประชาสัมพันธ์เพิ่มความเข้าใจในกฎกติกามารยาทในการขับขี่รถยนต์ภายในประเทศไทยอีกด้วย ส่วนรถยนต์ส่วนตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาภายในประเทศในอนาคต หากไม่มีไกด์ทัวร์หรือเข้ามาโดยที่ไม่มีความรู้เรื่องเส้นทาง อาจจะต้องมีการดูรายละเอียดตรงนี้ด้วยเพื่อประเมินการอนุญาตในการเข้าภายในประเทศ ซึ่งอย่างไรก็ตาม รายละเอียดทางเทคนิคทั้งหมดคงจะต้องมีการหารือและบูรณาการกับอีกสองฝ่ายที่เหลืออีกทีหนึ่ง จึงจะมีการประกาศอีกทีหนึ่ง แต่ในส่วนของกรมการขนส่งได้เตรียมความพร้อมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าว
ขณะที่ผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ซึ่งประสบกับปัญหารถทะเบียนจีนที่ทะลักเข้ามาและเกิดปัญหาอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
พ.ต.อ.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าเป็นกลางทางถึงปลายทางของปัญหา เพราะเมื่อมีการปล่อยให้รถจากประเทศจีนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็มีหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดกฎจราจร และคอยอำนวยความสะดวกในการจราจรบนท้องถนนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขล่าสุดพบว่าช่วงปีใหม่ในปีนี้มีอุบัติเหตุจากรถทะเบียนจีนน้อยกว่าปีที่แล้วจำนวนมาก
“สำหรับกรณีนี้เองทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับชาวจีน แต่ปัจจุบันมีการประสานความช่วยเหลือจากกลุ่มล่ามอาสา และใช้แอพพลิเคชั่นแปลภาษาผ่านทางโทรศัพท์มือถือในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กระทำผิดกฎจราจรหรือมีอุบัติเหตุชนกับรถคันอื่นๆ” พ.ต.อ.ภูมิปัญญ์ญากล่าว และว่า ทางเราเองต้องเข้าใจว่าชาวจีนเองมีวัฒนธรรมในการขับขี่รถแตกต่างจากคนไทย และส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นเรื่องของนโยบายการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม ก็อยากจะให้หน่วยงานที่ดูแลมีการวางมาตรการอบรมเรื่องการขับขี่และกฎจราจรในประเทศไทยสัก 1-2 วัน ก่อนที่จะอนุญาตให้กลุ่มนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาท่องเที่ยวโดยรถยนต์ในประเทศไทยได้ เพื่อที่จะลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่ บุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวนี้เป็นปัญหาที่จะแก้ไขเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้าเข้ามาร่วมมือในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพราะการท่องเที่ยวถือว่าหนึ่งในรายได้ของผู้ประกอบการในจังหวัด อนาคตจะต้องมีการวางแผนงานให้รัดกุมรอบคอบถึงปัญหานี้ ข้อมูลส่วนไหนที่ขาดหายไปเราก็ต้องมีการอธิบายให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนให้รับทราบถึงการจราจรในประเทศไทย แต่จะเข้มงวดมากเกินไปจนมีการจำกัดนักท่องเที่ยวคงเป็นไปได้ยาก เพราะเขาเป็นคนที่นำเงินมาใช้จ่ายภายในประเทศ ถือว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าที่เข้ามาให้ผู้ประกอบการภายในจังหวัดดูแล ตรงนี้ทางหน่วยงานทุกฝ่ายจะต้องมีการพูดคุยกันเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุดกับผู้คนในจังหวัด
เป็นแนวทางการแก้ไขของส่วนกลาง และทาง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ต้องประสบกับปัญหารถ “ป้ายทะเบียนจีน” ที่เข้ามาและทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และเชื่อว่าพื้นที่อื่นๆ ซึ่งกำลังประสบปัญหาทำนองเดียวกัน อาจต้องประสานความร่วมมือเพื่อความเข้าใจกันทุกฝ่าย
