คุ้ม-ไม่คุ้ม? เช่า‘รถไฟฟ้าเก็บขยะ’ #ทีมชัชชาติ ลุกตอบ สภา กทม.ลุยขยี้ คลี่ปัญหากวนใจ

สภากรุงเทพมหานครกดปุ่มไฟเขียวเป็นเอกฉันท์แล้ว สำหรับการกันเงินงบปี 2566 เบิกเงินเหลื่อมปีงบประมาณตามคณะกรรมการวิสามัญเสนอในห้องประชุมสภา กทม. อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา โดยมี วิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภา กทม. เป็นประธานการประชุม สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 2 ประจำปีพุทธศักราช 2566 ท่ามกลางสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ในวันเดียวกัน ยังมีประเด็นน่าสนใจมากมายทั้งกระทู้ถามสดและญัตติต่างๆ 

ตัวเปิดตัวตึงผู้มีแฟนคลับมากมายอย่าง สุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส..เขตจอมทอง หรือเฮียล้านควบตำแหน่งประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เผยว่า คณะกรรมการมีข้อสังเกตไปยังหน่วยงานหลายข้อ อาทิ เรื่องที่ ส..ทุกเขตได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเดิมสำนักอนามัยจะเป็นผู้จัดซื้อ แต่พบว่ามีความล่าช้าในการดำเนินการมาก และในปีที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกกว่า 6,000-7,000 คน กทม.อาจพิจารณามอบให้ฝ่ายพัฒนาชุมชนของเขตจัดซื้อเองเพื่อความสะดวกรวดเร็ว หรืออาจหานวัตกรรม สารเคมีใหม่ๆ มาใช้เพื่อลดจำนวนลูกน้ำยุงลายด้วย

จักกพันธุ์ ผิวงาม

2 ..ถาม คุ้มไม่คุ้ม? รองผู้ว่าฯลุกตอบ 

ADVERTISMENT

โปรเจ็กต์เช่ารถไฟฟ้าเก็บขยะ

ด้าน สมชาย เต็มไพบูลย์กุล ส..เขตคลองสาน สอบถามถึงความคุ้มค่า โครงการเช่ารถไฟฟ้าเก็บขนมูลฝอย กับการซื้อรถ ซึ่งเป็นรถสามล้อไฟฟ้าเพื่อเข้าไปช่วยชักลากขยะในชุมชนออกมายังถนนหลัก อำนวยความสะดวกให้กับรถขยะที่ไม่สามารถเข้าถึง

ADVERTISMENT

ขณะที่ จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงในประเด็นนี้ว่า รถสามล้อไฟฟ้าเป็นรถที่ กทม.จัดเช่าเป็นครั้งแรก สำนักสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการเปรียบเทียบราคาเช่ากับราคาซื้อ หากพบว่าการซื้อถูกกว่าการเช่าจำเป็นต้องขอยกเลิกรายการนี้

พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส..เขตยานนาวา ได้ร่วมอภิปรายและให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดซื้อรถไฟฟ้าของ กทม. ซึ่งต้องคำนึงถึงข้อกำหนดของรัฐบาลที่จะให้ใช้รถยนต์มาตรฐาน Euro 5 เพื่อควบคุมมลพิษในปีหน้าด้วย รวมถึงในการกำหนดรายละเอียดการจัดซื้อต้องกำหนดค่าปรับให้สูงสุดเพื่อให้ กทม.และประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด

..ยานนาวา เผยอีกว่า เนื่องจากสำนักสิ่งแวดล้อมขอจัดสรรงบประมาณปี พ..2566 ในการดำเนินการจัดหารถเช่าเก็บขนมูลฝอยให้แก่สำนักงานเขตต่างๆ แทนสัญญาที่จะหมดอายุช่วงปลายปี พ..2567 ถึงต้นปี พ..2568 ตามระยะเวลาของสัญญาแต่ละฉบับ แต่ถึงขณะนี้การเช่ารถเก็บขนมูลฝอยของสำนักสิ่งแวดล้อมยังอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการตามขั้นตอนทั้งของหน่วยงานราชการและผู้ให้เช่าในการปรับแต่งรถ รวมถึงการจดทะเบียนรถตามกฎหมาย 

เอกกวิน โชคประสพรวย

หากเกิดความล่าช้าไม่สามารถดำเนินการได้ทันเวลาที่กำหนดจะทำให้เกิดปัญหาขยะตกค้าง รวมทั้งปัญหาสุขภาพอนามัยสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน จึงได้สอบถามผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดังนี้

1.มีแผนการรองรับกรณีการจัดหารถขยะล่าช้าอย่างไรเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน

2.กรุงเทพมหานครมีแผนรองรับการใช้รถพลังงานไฟฟ้าแล้ว

หรือไม่

3.หากการกำหนดรายละเอียดโครงการล่าช้า ทำให้การส่งมอบล่าช้า กรุงเทพมหานครมีแผนรองรับหรือไม่

ถึงเวลาแล้วที่เราจะเปลี่ยนใช้รถไฟฟ้าแทนรถน้ำมัน และเป็นสิ่งที่กรุงเทพมหานครควรทำ เชื่อว่า ส..ทุกท่านเห็นด้วยกับการเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า แต่อาจมีบางปัจจัยที่ทำให้กังวลกันอยู่ จากข้อมูลที่สถาบันการศึกษาที่ได้ศึกษาความคุ้มค่าการใช้รถเก็บขยะพลังงานไฟฟ้า 100% โดยทดสอบการวิ่งรถ และพบว่ารถพลังงานไฟฟ้ามีความคุ้มค่า สามารถประหยัดได้ และเป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึงจะทำให้ได้ประโยชน์ในเรื่อง Carbon Footprint ด้วย ในขณะเดียวกันการบริหารงบประมาณรายจ่าย ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครวิธีการงบประมาณ พ..2563 ที่กำหนดให้รายจ่ายงบประมาณที่ต้องการเปลี่ยนแปลงต้องได้รับความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร เป็นสิ่งที่ทำให้กังวล เนื่องจากโครงการนี้เป็นการเช่ารถทดแทนตั้งแต่ปี’65 ซึ่งเดิมอาจเป็นรถประเภทดีเซล การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการให้เป็นรถประเภทรถไฟฟ้าจึงทำให้ไม่แน่ใจว่ากรุงเทพมหานครจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ จึงได้มีคำถามถึงฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับเรื่องรถจัดเก็บขยะไฟฟ้าในวันนี้พุทธิพัชร์จบด้วยคำถาม

พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์

ชัชชาติจักกพันธุ์ แทคทีมแจงยิบ งบจากไหน ช้าหรือไม่? 

ผู้ว่าฯชัชชาติลุกตอบทันท่วงทีว่า เรื่องของการจัดการขยะเป็นปัญหาใหญ่ของเมือง ปัจจุบันใช้เงินค่ากำจัดขยะ 7,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น การดูแลเรื่องการจัดการขยะให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใสในการใช้งบประมาณและการรักษาสิ่งแวดล้อมจึงต้องดำเนินการควบคู่กัน และเป็นเรื่องที่กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญตลอดมา 

ตามด้วย จักกพันธุ์ รองผู้ว่าฯกทม. ที่ลุกขึ้นกล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีงบประมาณสำหรับการเช่ารถขยะในปีงบประมาณ 66 จำนวน 5 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ทั้งหมด ไม่ได้เป็นการโอนเงินจากโครงการใดโครงการหนึ่งมาเพื่อโครงการนี้ และเป็นงบประมาณต่อเนื่องมากกว่าปีงบประมาณจึงต้องขอความเห็นชอบจากสภา กทม. หากถามว่าโครงการนี้ล่าช้าหรือไม่ สำนักสิ่งแวดล้อมรายงานว่าโครงการนี้จะสามารถส่งรถเช่านี้ได้ตั้งแต่เดือน พ..67 เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีรถ 2,020 คัน เดิมจะทยอยหมดสัญญา ส่วนการส่งรถใหม่จะทยอยต่อเนื่องจากสัญญาเก่าที่หมดไป

สำหรับคุณลักษณะของรถที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ระหว่างการจัดทำกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เบื้องต้นถึงแม้จะเป็นรถไฟฟ้าหรือรถใช้น้ำมัน ตัวถังต้องเป็นขนาดเดียวกัน ต่างกันเฉพาะพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนเท่านั้น ความสามารถในการบีบอัดก็เท่ากัน ซึ่งในการกำหนดรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างจะเขียนไว้อย่างชัดเจน ส่วนการติดตั้งสถานีชาร์จ ขณะนี้ กทม.ได้ติดต่อภาครัฐ ภาคเอกชน ที่พร้อมเข้ามาลงทุนกับ กทม. โดยที่ กทม.ไม่ต้องใช้จ่ายงบประมาณ 

การจัดซื้อจัดจ้างหรือเช่ารถ จะเป็นไปตามข้อบัญญัติงบประมาณเดิม เพราะในข้อบัญญัติไม่ได้ระบุว่าเป็นการจัดซื้อหรือเช่า รวมถึงนโยบายการแยกขยะของกรุงเทพมหานครที่ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อหรือเช่ารถแต่อย่างใด ในขณะที่ในอนาคตกรุงเทพมหานครจะออกข้อบัญญัติการส่งเสริมการแยกขยะเพื่อให้มีปริมาณขยะลดน้อยลง สำหรับข้อกังวลว่ากรุงเทพมหานครมีการทดสอบการใช้รถขยะแล้วหรือไม่ กรุงเทพมหานครได้ทำการทดสอบไปแล้ว 2 เขต คือประเวศและดุสิตและจะดำเนินการในเขตลาดกระบังต่อไปรองผู้ว่าฯจักกพันธุ์กล่าว 

ทั้งยังเพิ่มเติมข้อมูลกรณีที่จัดซื้อจัดจ้างแล้ว หากผู้ให้เช่าที่ได้สัญญาส่งมอบรถไม่ทันตามกำหนดและไม่สามารถนำรถเช่าของผู้ให้เช่ารายเดิมมาใช้งานได้เนื่องจากหมดสัญญาแล้ว ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ว่าหากเซ็นสัญญาแล้วผู้รับจ้างมีหน้าที่ส่งรถตามกำหนดเพื่อไม่ให้เสียค่าปรับ แต่ในสัญญาอาจกำหนดว่าหากล่าช้าผู้รับจ้างต้องนำรถขยะประเภทอื่นมาให้กรุงเทพมหานครใช้ก่อน ดังนั้น ภาพรวมการแก้ไขปัญหาสำนักสิ่งแวดล้อม กทม.ได้วางแผนไว้แล้วเพื่อไม่ให้เกิดขยะตกค้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ราชเทวีติดแหง็ก ชาวบ้านแห่ร้อง กทม.เร่งแก้ 127 ‘จุดฝืด

อีกเรื่องร้อนภาคประชาชนคือ กระทู้ถามสดของ เอกกวิน โชคประสพรวย ส..เขตราชเทวี เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณหน้าศูนย์การค้าในพื้นที่ โดยระบุว่า มีรถยนต์โดยเฉพาะรถแท็กซี่จอดรอรับผู้โดยสารบริเวณหน้าศูนย์การค้า จำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัด ซึ่งเดิมบริเวณดังกล่าวก็มีการจราจรที่หนาแน่นอยู่แล้ว ประชาชนร้องเรียนมาต่อเนื่อง สาเหตุอาจมาจากศูนย์การค้านำที่จอดรถบางส่วนจัดทำเป็นตลาด ทำให้ที่จอดรถรองรับลูกค้าไม่เพียงพอ อย่างไรปัญหาดังกล่าวอาจไม่ใช่ความรับผิดชอบของ กทม.โดยตรง แต่ขอให้ กทม.ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการเพื่อเร่งแก้ไข ลดความเดือดร้อนให้ประชาชน รวมถึงขอสอบถามแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณหน้าศูนย์การค้าดังกล่าวว่ามีการเตรียมแนวทางไว้อย่างไรบ้าง

ขอใช้พื้นที่สภา กทม.ในวันนี้ชี้แจงเพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับทราบปัญหา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข เพราะได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนเราก็ไม่ได้นิ่งเฉย ได้นำเรื่องมาสะท้อนในที่ประชุมสภา กทม.เพื่อให้ร่วมหาแนวทางการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องปัญหารถติดหน้าศูนย์การค้า ซึ่งต่อเนื่องไปยังถนนสายอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง การนำที่จอดรถมาเป็นสถานที่ขายของไม่แน่ใจว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ จึงขอให้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาเอกกวินกล่าว

ประเด็นนี้ ชัชชาติ ลุกขึ้นตอบ โดยเน้นย้ำว่า ปัญหาการจราจรเป็นปัญหาใหญ่ จุดนี้ได้ลงพื้นที่มากกว่า 10 ครั้ง อย่างไรก็ตาม กทม.มีอำนาจเฉพาะบนฟุตปาธ ส่วนบนถนนต้องอาศัยความร่วมมือจากตำรวจจราจร และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช..) ซึ่งปัญหาไม่ใช่แค่ที่จุดนี้ ยังมีจุดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าอื่นๆ โดยรวมพบว่ามีปัญหาจุดฝืดลักษณะนี้ 127 จุด การแก้ปัญหาในระยะสั้นต้องร่วมมือกับตำรวจให้มากขึ้น ส่วนในระยะยาวต้องทำให้เป็นรูปธรรมและบูรณาการ

ที่ผ่านมา กทม.มีปัญหาในแง่ของการบูรณาการกับหลายหน่วยงาน ทั้ง บช.. การไฟฟ้านครหลวง และการประปานครหลวง อย่างไรก็ดี เมื่อได้มีโอกาสหารือกับนายกรัฐมนตรี ทำให้ได้รับการเห็นชอบให้จัดตั้งเป็นคณะทำงานพัฒนากรุงเทพมหานคร จำนวน 6 ท่าน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ร่วมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และปลัดกรุงเทพมหานครเป็นเลขานุการ เพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหา โดยเรื่องจราจรจะเป็นเรื่องแรกที่จะหารือกัน โดยนำจุดฝืดต่างๆ เป็นเป้าหมายการสั่งการแบบบูรณาการ ให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งต้นเดือนหน้าจะเริ่มการหารืออย่างเป็นทางการ

ต่อไปจะมีการเอาเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น อย่างในเรื่องของการใช้กล้อง CCTV จับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้า หากมีความร่วมมือกับตำรวจและกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงคมนาคม การเอากล้อง CCTV มาจับปรับ น่าจะเป็นเรื่องที่เห็นชัดมากขึ้น เพื่อเอากฎหมายมาบังคับผู้กระทำความผิดชัชชาติยืนยันหนักแน่น ก่อนทิ้งท้ายว่า

ฝ่ายบริหารจะเร่งดำเนินการแก้ปัญหาจราจรในทุกจุดให้เป็นรูปธรรมอย่างเร็วที่สุด

ศศวัชร์ คมนียวนิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image