นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีผืนป่าและสัตว์ป่าที่อุดมสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีสถานีวิจัยสัตว์ป่า เหมือนพื้นที่อื่นๆ เช่น ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ตนจึงได้ทำเรื่องเสนอผู้บริหารขอให้มีสถานีวิจัยสัตว์ป่า ให้มาอยู่ที่เขาใหญ่ด้วย ประกอบกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) มีแนวคิด ที่จะเพิ่มประชากรเสือโคร่งในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ ซึ่งต้องศึกษาเรื่องประชากรเหยื่อและพื้นที่อยู่ เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ให้มาก สถานีวิจัยสัตว์ป่า จึงสำคัญกับพื้นที่นี้มาก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเกิดสถานีสัตว์ป่าขึ้นนั้น เครือข่ายผู้รักเขาใหญ่ หลายคนได้แสดงความจำนงค์ที่จะเข้ามาช่วยดูแลสัตว์ป่าภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กันหลายคน เช่น สัตวแพทย์หญิงนันทริกา ชันซื่อ จากโรงพยาบาลสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเข้ามาทำคลินิกสัตว์ป่า ให้ความช่วยเหลือสัตว์ป่าที่เจ็บป่วย และได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือ หมอล๊อต นายสัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติก็มาคอยดูแล และลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นประจำ คอยให้คำแนะนำ แก่เจ้าหน้าที่ และนักท่องเที่ยว เมื่อเจอสัตว์เจ็บป่วย ซึ่งถือว่าได้ประโยชน์อย่างมาก
“เรื่องการจัดระเบียบระหว่างนักท่องเที่ยว กับสัตว์ป่าเขาใหญ่ เวลานี้ดีขึ้นมาก นักท่องเที่ยวเรียนรู้ บอกต่อ และปฏิบัติตัวค่อนข้างดี และถูกต้อง เมื่อต้องเจอกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้าง แต่ล่าสุด ที่มีข่าว คนขับบิ๊กไบท์ แล้วเจอหมีควายข้างทาง และตกใจ เอารูปโพสลงในโซเชียลนั้น ขอเรียนว่า ป่าเขาใหญ่ นอกกจากมีช้าง กวาง แล้วสัตว์อื่นๆ เช่น หมีควาย หมีหมา ก็มีจำนวนมาก แต่จะปรากฏตัวให้เห็นบางเวลาเท่านั้น อย่างเวลาที่ผม ออกตรวจพื้นที่ตอนกลางคืน บ่อยครั้งที่ต้องเจอกับ งูเห่า งูจงอาง หรืองูเหลือ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะป่าแห่งนี้คือที่อยู่ของพวกเขา”นายครรชิต กล่าว
นายสัตวแพทย์ภัทรพล กล่าวว่า หมีควาย หมีหมา ข้ามถนนในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นเรื่องปกติมาก เพราะสัตว์เหล่านี้เป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า โดยหมีควายตัวล่าสุดที่นักท่องเที่ยวเห็นนั้นเป็นตัวที่เพิ่งหย่านม และอยู่ระหว่างการเรียนรู้ว่าพื้นที่ใด เหมาะหรือไม่เหมาะกับตัวเอง
“หมี มีประสาทสัมผัส ทั้งหู และจมูกดีกว่าหมาถึง 5 เท่า มันจะรู้ดีว่าที่ไหนควรอยู่ และที่ไหนไม่ควรอยู่ มันไม่มีทางเข้าหาคนอย่างแน่นอน ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งนักท่องเที่ยว และสัตว์ป่าที่เขาใหญ่ จะเรียนรู้กันและกันอย่างดี เราได้แต่งตั้งให้ลิงเป็นเจ้าหน้าที่จราจร บริเวณทางขึ้นลง เขาใหญ่แล้ว บริเวณไหนมีลิง รถทุกคันก็จะชะลอตัวอย่างอัตโนมัติ ใครขับรถชนลิง เราจะถือว่า เป็นการทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยความประมาท ในขณะเดียวกัน ใครเอาอาหารให้ลิงข้างทางก็จะถือว่าติดสินบนเจ้าพนักงาน ถ้าเป็นจะถูกลงโทษทันที แต่เวลานี้นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวเขาใหญ่มีพฤติกรรมเช่นนี้น้อยมาก”นายสัตวแพทย์ภัทรพล กล่าว
