ผลวิจัยชี้ ติดโควิด เสี่ยงเป็นวัณโรคสูงถึง 7 เท่าของคนปกติ เหตุภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.) เปิดเผยผลวิจัยผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มีอัตราเสี่ยงเป็นวัณโรคปอดสูงถึง 7 เท่า ของคนปกติ โดยผลวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร eClinicalMedicine ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ ในเครือ Lancet ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

ทั้งนี้งานวิจัยดังกล่าว เป็นผลงานของนพ.พลกฤต ขำวิชา สาขาวิชาระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ม.อ.โดยมีศ.นพ.วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยจากข้อมูลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 และมีอาการปอดอักเสบ

จากข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19 ในช่วงปี 64 ที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า และ อัลฟ่า ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 12 ซึ่งประกอบด้วย 7 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา จำนวนประมาณ 2 หมื่นกว่าคน โดยได้รับการสนับสนุนข้อมูลในการทำวิจัยจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และทุนวิจัยจาก National Institutes of Health (NIH) ประเทศสหรัฐอเมริกา

นพ.พลกฤต ได้ดำเนินโครงการวิจัยเก็บข้อมูลการติดตามการกินยารักษาวัณโรคประมาณต้นเดือน ม.ค.65 จากประวัติการรักษาคร่าวๆ ของผู้ป่วยที่เป็นอาสาสมัครทุกเคส พบว่า ผู้ป่วยวัณโรคส่วนใหญ่มักมีประวัติเคยรับการรักษาโควิด-19 แบบผู้ป่วยใน

ADVERTISMENT

“โดยพื้นฐานแล้วคนไทยประมาณ 1 ใน 3 มีการติดเชื้อวัณโรคแต่ไม่มีอาการใดๆ และไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น เรียกว่าเป็นวัณโรคแฝง ประเทศไทยจึงยังเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของวัณโรคอยู่ แม้ในชีวิตประจำวันจะไม่ค่อยเห็นใครเป็นวัณโรคบ่อยนัก เพราะภูมิคุ้มกันของคนปกติทั่วไปสามารถควบคุมวัณโรคไม่ให้ก่อโรคได้จึงเกิดความสงสัยว่าโควิด-19 อาจทำให้คนที่ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง จากความล้าของภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองต่อเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเคสที่มีปอดบวมร่วมด้วย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นวัณโรคมากกว่าคนทั่วไป”

ข้อมูลการลงทะเบียนทั้งโควิด-19 และวัณโรค มาศึกษาย้อนหลังเพื่อเปรียบเทียบอุบัติการณ์การเป็นวัณโรคปอดในผู้ป่วยย้อนหลังเพื่อเปรียบเทียบอุบัติการณ์การเป็นวัณโรคปอดในผู้ป่วยปอดบวมจากโควิด-19 ที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว กับอุบัติการณ์การเป็นวัณโรคปอดในคนทั่วไปที่ยังไม่มีหลักฐานว่าเคยติดเชื้อโควิด-19 โดยติดตามข้อมูลผู้ป่วยทุกรายอย่างน้อย 6 เดือน พบว่า ผู้ป่วยปอดบวมจากโควิด-19 หลังได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว มีความเสี่ยงที่จะเป็นวัณโรคปอดได้มากกว่าคนทั่วไป 7 เท่า

ADVERTISMENT

ศ.นพ.วีระศักดิ์  กล่าวว่า วัณโรคยังคงเป็นปัญหาในประเทศไทย แต่เป็นโรคที่รักษาหาย และไม่ใช่โรคที่น่ากลัว เมื่อรู้ว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรค ต้องได้รับการรักษาโดยเร็วตั้งแต่เริ่มต้น และมีการตรวจคัดกรอง

“ผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรค โดยหลักๆ เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV และ ผู้ป่วยเบาหวาน จากผลการวิจัยนี้ พบว่า ผู้ป่วยปอดบวมจากการติดเชื้อโรคโควิด-19 ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน ซึ่งผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงควรจะต้องดูแลตัวเองให้ดี และไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการต่อเนื่อง และระบบสาธารณสุขก็ต้องดูแลบุคคลกลุ่มนี้เป็นพิเศษ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image