ขณะที่การเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ดำเนินมาเป็นวันที่ 76 เมื่อวันที่ 15 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พบประชาชนจากทุกสารทิศใช้โอกาสในวันหยุดสุดสัปดาห์ทยอยเดินทางพร้อมครอบครัวมาต่อแถวอย่างต่อเนื่อง จนล้นเต็นท์ที่นั่งรอคอยทั้ง 8 ไปยังทางเดินรอบท้องสนามหลวงทางทิศใต้ วกไปวนมา 2 รอบ ท่ามกลางแดดจัด โดยวันนี้สำนักพระราชวังเปิดให้เข้ากราบสักการะตั้งแต่เวลา 04.45 น. จากเวลาปกติเปิดเวลา 08.00 น.
นางพิมภิสร หุ่นนิยมิต อายุ 47 ปี ชาว อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มาพร้อมเพื่อนที่ทำงานรอแถวตั้งแต่เวลา 02.00 น. ได้เข้ากราบถวายสักการะเวลา 09.30 น. กล่าวว่า ตนเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพถึง 7 ครั้งแล้ว จากที่ตั้งใจจะมากราบสักการะให้ได้ 9 ครั้ง ที่มาตรงนี้เพราะอยากมา มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ไม่เหนื่อย กลับไปแล้วใจก็อยากมาหาพระองค์อีก เพราะรักและประทับใจพระองค์มาก ทั้งนี้มาแต่ละครั้งก็มีแตกต่างบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการรอ ที่ปกติจะมารอต่อแถวตั้งแต่เวลา 02.00 น. ได้เข้าเร็วที่สุดคือเวลา 06.00 น. ช้าที่สุดคือเวลา 12.00 น.
“ในฐานะชาว จ.สมุทรปราการคนหนึ่ง สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและอยากขอบคุณพระองค์ที่ทรงมีพระราชดำริให้สร้างสะพานภูมิพล เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯกับสมุทรปราการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากแต่ก่อนต้องข้ามแพใช้เวลา 20 นาที และต้องเสียค่าบริการ แต่ตอนนี้สามารถข้ามมากรุงเทพฯได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที อย่างไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนตัวยังน้อมนำเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เช่น การรู้จักใช้เงิน ใช้ในสิ่งที่ควรใช้ หากไม่จำเป็นก็ยังไม่ต้องใช้” นางพิมภิสรกล่าว
น.ส.มะลิวงค์ สายชุม อายุ 66 ปี ชาว จ.ลพบุรี กล่าวว่า เป็นจิตอาสาที่รวมตัวกับคนลพบุรีกว่า 30 คน มาทำอาหารแจกจ่ายบริเวณท้องสนามหลวงตั้งแต่เช้ามืด โดยนำไก่มาทอด พร้อมข้าวเหนียว ข้าวต้มมัด และลูกชิ้นไก่ทอด เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพได้อิ่มท้อง โดยมาเป็นจิตอาสาหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยมีโอกาสเข้าสักการะพระบรมศพ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเป็นความปลาบปลื้มใจอย่างมาก ยิ่งได้เห็นพระบรมโกศใกล้ๆ รู้สึกได้ว่าน้ำตาจะไหลออกมา ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้
น.ส.มะลิวงค์กล่าวอีกว่า แต่ละครั้งที่มาเห็นคนไทยมามากทุกครั้ง เห็นแล้วปลื้มใจในความรักที่ประชาชนมีต่อพระองค์ท่าน ดังที่พระองค์ได้ให้ความรักแก่ประชาชนในการช่วยเหลือในด้านต่างๆ ให้พวกเราได้อยู่ดีกินดี การที่เราเป็นจิตอาสาครั้งนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราพอจะทำได้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านได้ ด้วยใจที่จงรักภักดี
