เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีตรอง ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนหน่วยต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องการปฏิรูปกิจการตำรวจ ได้เสนอแผนการปฏิรูปตำรวจแผนแรก ซึ่งผ่านการพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ให้ตำรวจรับทราบ ในหัวข้อ “การปฏิรูประบบงานบริการประชาชน และงานสอบสวน” ซึ่งสภาเล็งเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องทำเป็นลำดับแรก โดยจากนี้จะเสนอเรื่องนี้ต่อคณะรัฐมนตรีออกมติ ครม.ประกาศใช้ต่อไป
“สิ่ง สปท. เสนอคือการปรับการทำงานของพนักงานสอบสวน เราพบว่าระบบในปัจจุบันพนักงานสอบสวนทำงานคนเดียว ไม่มีลูกน้อง ไม่มีพลขับ ไปคนเดียว ทำสำนวนคนเดียว บางครั้งเกิดเหตุพร้อมๆ กัน พนักงานสอบสวนไปไม่ทัน เกิดปัญหาประชาชนไม่พึงพอใจในบริการ บางแห่งพนักงานสอบสวนงานล้น ระบบใหม่ที่เสนอ ให้ปรับเกลี่ยกำลัง แก้ปัญหาการทำงานไม่ทันของพนักงานสอบสวน โดยให้จัดงานเป็นทีม มีพนักงานสอบสวนหลายคนในทีม มีฝ่ายสืบสวน ปราบปราม รวมทั้งพิสูจน์หลักฐานอยู่ในทีม เพื่อให้งานสอบสวนอำนวยความยุติธรรมมีประสิทธิภาพ การสืบสวนสอบสวนแยกออกจากกันไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาไปแยกงานออกจากกัน จากนี้ไปกำหนดให้รวมกัน ให้พนักงานสอบสวนเป็นหัวหน้าทีม นี่คือแนวทางที่สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 7/2559 ที่ปรับงานสอบสวนใหม่ เราคิดแนวเดียวกัน ในอดีตเคยทำงานเป็นทีมสืบสวนสอบสวน ได้ผลเชิงประสิทธิภาพมาก จากนี้ไปจะมีมติ ครม.มาบังคับ แต่ก็ทราบว่าทุกวันนี้บางแห่งก็บริหารโดยทำงานเป็นทีมอยู่แล้ว จากนี้ไปสามารถขับเคลื่อนระบบงานทำงานสืบสวนสอบสวนคดีได้เลย” พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าว
รอง ปธ.กมธ.กล่าวว่า จากคำสั่ง หน.คสช.ที่ 7/2559 เรื่องปรับตำแหน่งงานสอบสวนได้เสนอแนะไปว่าให้จัด โครงสร้างตำแหน่ง ให้สอดคล้องกับโครงสร้างองค์กร จัดช่วงการบังคับบัญชาให้สอดคล้อง จำนวนตำแหน่งระดับล่าง สอดคล้องกับระดับบน มีสัดส่วนตำแหน่งให้เห็นโอกาสการเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม แนวคิดการปรับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับไปกลับ มา ก่อนปี 2528 พนักงานสอบสวนทำทั้งงานสอบสวนและสืบสวน ตอนนั้นเกิดปัญหางานโหลดรับไม่ไหว แต่พอแบ่งแยกงานสอบสวนออกมา ทุกวันนี้เกิดปัญหาค่านิยมทางวิชาชีพ ที่ขาดความสัมพันธ์กับประชาชน จนเกิดปัญหา
