สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดสถิติผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิ เข้ามาร้องทุกข์ 16,142 เรื่อง ‘ปัญหาบัตรคอนเสิร์ต’ แชมป์ พร้อมเปิดกลใหม่มิจฉาชีพ ซื้อแอดสร้างเครดิต
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้เปิดรายงานสถานการณ์ผู้บริโภคจากการรับเรื่องร้องทุกข์ทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565-กันยายน 2566) ได้แก่ สำนักงานสภาผู้บริโภค หน่วยงานประจำจังหวัดใน 15 จังหวัด และองค์กรสมาชิกของสภาผู้บริโภค โดยมีผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิร้องทุกข์เข้ามาเป็นจำนวน 16,142 เรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาที่มีผู้ร้องทุกข์มากที่สุดในปีงบประมาณ 2566 คือ ปัญหาด้านสินค้าและบริการทั่วไป จำนวน 10,150 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 62.88 ซึ่งมากกว่าเรื่องร้องทุกข์ในปีงบประมาณ 2565 ถึง 7,875 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็น ‘ข้อสัญญา’ ในปัญหาที่เกี่ยวกับธุรกิจคอนเสิร์ต เช่น การเปลี่ยนผังคอนเสิร์ต การสมัครสมาชิกแต่ไม่ได้รับสิทธิตามที่ระบุ การจัดงานที่ไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ในครั้งแรก ไม่สามารถคืนบัตรได้ แจ้งราคาบัตรโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าธรรมเนียม การประชาสัมพันธ์ไม่ชัดเจน รวมถึงราคาบัตรที่แพงเกินไป โดยปัญหาดังกล่าวมีผู้ส่งเรื่องร้องทุกข์เข้ามาถึง 5,906 เรื่อง
รองลงเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับสัญญาในด้านสินค้าฯ การซื้อสินค้าทางออนไลน์ และปัญหาที่ผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการเข้าไปใช้บริการเสริมความงาม โดยมีผู้ร้องทุกข์เข้ามาในจำนวนใกล้เคียงกัน 1,474 เรื่อง และ 1,110 เรื่อง ตามลำดับ โดยเฉพาะการซื้อสินค้าในเพจเฟซบุ๊ก แต่ไม่ได้รับสินค้าและไม่ได้รับเงินคืน หรือได้รับสินค้าไม่ตรงปก ซึ่งผู้บริโภคมักถูกหลอกจากการที่มิจฉาชีพซื้อโฆษณาบนเฟซบุ๊กโปรโมตสินค้า หรือเปิดเพจเฟซบุ๊กขายสินค้า โดยช่วงแรกทำทีส่งสินค้าให้เพื่อให้มีเครดิต แต่เมื่อผู้บริโภครายอื่นๆ หลงเชื่อ จึงจะหลอกให้โอนเงินแต่ไม่ส่งสินค้าให้
ทั้งนี้ ความเสียหายจากการเข้าไปใช้บริการเสริมความงาม เป็นไปในลักษณะคลินิก หรือสถานเสริมความงามผิดสัญญาที่ตกลงไว้ตั้งแต่ครั้งแรก โดยอ้างว่าสถานเสริมความงามได้รับความเสียหายจากการปิดปรับปรุง หรือปิดกิจการทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถใช้บริการได้
ส่วนปัญหาที่มีผู้ร้องเรียนมากเป็นอันดับที่ 2 ได้แก่ ปัญหาด้านการเงินและการธนาคาร จำนวน 2,084 กรณี หรือคิดเป็นร้อยละ 12.91 ดังนั้นสภาผู้บริโภคจึงช่วยเหลือผู้เอาประกันที่ถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ดังนี้ 1) ติดต่อและประสานงานกับบริษัทประกันภัยซึ่งเป็นเจ้าของกรมธรรม์เพื่อให้จ่ายค่าสินไหมให้กับผู้บริโภค แต่ทั้งนี้จากการเจรจาไกล่เกลี่ยพบว่าบางกรณีมีปัญหาเรื่องการออกใบรับรองแพทย์ สภาผู้บริโภคจึงได้แจ้งผู้เอาประกันเข้าไปแก้ไขใบรับรองแพทย์และยื่นขอเคลมค่าสินไหมอีกครั้ง 2) สภาผู้บริโภคเป็นที่ปรึกษาให้ผู้บริโภคที่ยื่นฟ้องคดีด้วยตนเอง กรณีที่บริษัทที่ไม่สามารถจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนได้ และ 3) ฟ้องคดีให้กับผู้บริโภค ในการยื่นฟ้องบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งที่ขอยื่นเป็นคดีกลุ่มนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างศาลชั้นต้นนัดไต่สวนผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายและตัวแทนจากบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง
อันดับที่ 3 เป็นปัญหาด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 918 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 5.69 โดยถูกหลอกจากข้อความสั้น (SMS) ที่แนบลิงก์มาให้กด, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่ามาจากหน่วยงานหรือองค์กรของภาครัฐ การแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิผู้บริโภค ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) บก.ปคบ. บช.สอท. รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้ติดตามและสกัดเส้นทางการเงินที่ผู้บริโภคถูกหลอกให้โอนเงิน
ซึ่งสภาผู้บริโภคได้ช่วยเหลือผู้บริโภคให้ได้รับการชดเชยเยียวยาเสร็จสิ้นทั้งหมด 12,837 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 79 และคิดรวมเป็นมูลค่าความสำเร็จในการคุ้มครองผู้บริโภคได้ถึง 71,703,984.46 บาท ส่วนที่เหลืออีก 3,305 เรื่อง อยู่ระหว่างการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม กรณีใดที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยหรือยุติปัญหาได้ สภาผู้บริโภคจะเดินหน้าสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือในการฟ้องคดีให้กับผู้บริโภคต่อไป
