ก.แรงงานไฟเขียวทุ่มงบฯ 90 ล.จ้างงานเร่งด่วนผู้ประสบภัยใน 12 จังหวัดใต้

เมื่อวันที่ 16 มกราคม นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ โฆษกกระทรวงแรงงาน แถลงว่าที่ประชุมกระทรวงแรงงานเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด ใน 12 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีสถานประกอบกิจการในพื้นที่ 12 จังหวัด 42,330 แห่ง ลูกจ้าง 1,094,360 คน แต่พบว่ามีสถานประกอบการได้รับผลกระทบ 8,753 แห่ง ลูกจ้างได้รับผลกระทบ 127,018 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มกราคม 2560)

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด ประกอบด้วย 1.บริการการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ รถจักรยานยนต์ เครื่องมือทางการเกษตร โดยทีมช่าง จะให้บริการซ่อมฟรีที่สถาบัน/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานแต่ละจังหวัด 2.ฝึกอบรมให้กับลูกจ้าง ประชาชนเพื่อให้สามารถนำความรู้ไปซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า และปรับปรุงสภาพแวดล้อมบ้านเรือนของตนเองได้ อาทิ การก่ออิฐ ฉาบปูน การปูกระเบื้อง โดยเป็นหลักสูตรระยะสั้น 3-5 วัน ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 100 บาท 3.จ้างงานเร่งด่วน โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูบ้านเรือนหรือชุมชนในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชนภายหลังน้ำลด ซึ่งดำเนินการตามความต้องการของชุมชน โดยมีค่าตอบแทนให้คนละ 150 บาท สำหรับการทำงาน 4 ชั่วโมง ทั้งนี้ได้จัดสรรงบประมาณ 90 ล้านบาท 4.คณะกรรมการประกันสังคมมีมติให้นายจ้างจ่ายสมทบ ร้อยละ 3 ลูกจ้างจ่ายสมทบ ร้อยละ 3 จากร้อยละ 5 เป็นเวลา 3 เดือน (มกราคม-มีนาคม 2560) ส่วนลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จะจัดเก็บเงินสมทบในอัตราเดือนละ 288 บาท นอกจากนี้ ยังขยายเวลาการจ่ายเงินสมทบโดยไม่เสียค่าปรับ ในกรณีที่ไม่สามารถนำส่งได้ทันกำหนด รวมทั้งการจ่ายเงินทดแทนการว่างงานให้กับผู้ประกันตน เตรียมออกกฎกระทรวง ให้สามารถจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยจนต้องหยุดกิจการชั่วคราว ไม่เกิน 180 วัน นับแต่วันที่สถานประกอบการหยุดงาน 5.ให้กู้เงินฟื้นฟูสถานประกอบการ กู้เพื่อฟื้นฟูความปลอดภัยวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี 6.ตรวจสอบความปลอดภัยในสถานประกอบการ เพื่อแนะนำให้ปรับปรุงแก้ไขถูกต้องและปลอดภัยก่อนเริ่มใช้งาน 7.สำรวจผลกระทบ ความต้องการประกอบอาชีพ โดยมีรถโมบายยูนิตไปสำรวจในพื้นที่ประสบภัย เพื่อจัดอบรมฝึกอาชีพอิสระระยะสั้นให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเองได้

“ผู้ประกอบการ ลูกจ้าง ประชาชนทั่วไป สามารถขอรับบริการความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด สถาบัน/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด และสำนักงานประกันสังคมทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วน 1694, 1506 และ 1546” นายอนันต์ชัย กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image