เมื่อวันที่ 19 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครู ชาว จ.สกลนคร ตกเป็นจำเลยในคดีขับรถยนต์ชนคนตาย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548 โดยขับรถยนต์ชน นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 75 ปี ชาวบ้านพระซอง ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม เสียชีวิต บริเวณถนน เขตบ้านสร้างเม็ก ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม จนกระทั่งมีการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมถึง 3 ศาล ซึ่งมีคำพิพากษาให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 แต่หลังจำคุกได้ 1 ปี 6 เดือน ได้รับการอภัยโทษออกมาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 ภายหลังได้มีการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม อ้างว่าตกเป็นแพะ ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม รับคำร้องรื้อฟื้นคดี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2559 และศาลจังหวัดนครพนม ได้นัดสืบพยาน ทั้งผู้ร้อง และผู้คัดค้าน ในระหว่างวันที่ 8 – 10 กุมภาพันธ์ 2560
อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวหน่วยงานตำรวจ ได้ออกมาโต้แย้งยืนยันว่า นางจอมทรัพย์ไม่ใช่แพะ แต่เป็นผู้กระทำผิดจริง ทั้งสองฝ่ายจึงต้องหาพยานหลักฐานมายืนยัน โดยนางจอมทรัพย์ กล่าวว่าได้ตกเป็นแพะ เนื่องจากเกิดปัญหาในช่วงระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะรถยนต์ที่เกิดเหตุ มีทะเบียนใกล้เคียงกันกับรถของตัวเอง คือ กค 56 สกลนคร แต่เป็นรถยนต์กระบะ โตโยต้า สีบรอนซ์ พร้อมกับได้นำตัว นายสับ วาปี อายุ 60 ปี ชาว จ.มุกดาหาร มารับสารภาพว่าเป็นคนขับรถยนต์ กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีเขียว ทะเบียน กค 56 มุกดาหาร ไปชนรถจักรยานของผู้ตาย เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และเพื่อขอเข้ารับการครูใหม่ หลังถูกให้ออกจากราชการ รวมถึงรับสิทธิเกี่ยวกับเงินชดเชย เยียวยา ตาม พรบ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา
ถึงอย่างนั้นล่าสุด นายอุบล ไชยบัน อายุ 65 ปี ชาวจ.มุกดหาร พยานรายใหม่ได้ออกมาเปิดเผยว่า กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีเขียว ทะเบียน กค 56 มุกดาหาร ที่ก่อนหน้านี้เป็นของ นายสับ วาปี ได้มีการขายต่อให้ นายรัน โทนแก้ว อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.กุดเข้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร จากนั้นตนได้ซื้อต่อจากนายรัน เมื่อปี 2547 แต่เอกสารหลักฐานยังเป็นกรรมสิทธิ์ของ นายสับ วาปี เพราะเป็นรถเก่าจึงไม่ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งในช่วงปี 2547 – 2550 ตนได้เอามาใช้งานในบ้าน ขับไปไร่ ไปนา เพราะสภาพรถเก่าทรุดโทรมมาก และเมื่อปี 2550 ได้ขายไปอีกทอดหนึ่ง เป็นพ่อค้ามารับซื้อไปสภาพรถเก่าเหมือนเศษเหล็ก เครื่องยนต์ใช้งานไม่ได้ ในราคาประมาณ 30,000 บาท พร้อมเอกสารหลักฐานคู่มือการครอบครองรถ
นายอุบล ยังกล่าวด้วยว่า ราวปี 2555 ได้มีชายคนหนึ่งซึ่งตนไม่รู้จัก เข้ามาสอบถามหารถคันดังกล่าว โดยต้องการซื้อรถทะเบียน กค 56 มุกดาหาร และถามหาเอกสารหลักฐานหรือซากรถ ระบุว่าต้องการนำไปเป็นหลักฐานในการช่วยเหลือญาติที่ติดคุกจากคดีขับรถยนต์ชนคนตาย ซึ่งตนยังแปลกใจบอกไปว่า รถขายซากไปแล้ว ไม่มีเอกสารหลักฐานแล้วเพราะมันเก่ามาก ซึ่งขณะนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรกระทั่งมารู้ภายหลังว่ารถของตนที่ใช้อยู่ มีทะเบียนตรงกันกับรถยนต์ที่เป็นคดี แต่ยืนยันว่า ในช่วงที่ครอบครองใช้งานรถยนต์ อีซูซุทะเบียน กค 56 มุกดาหาร ระหว่างปี 2547 -2550 ไม่มีใครขับไปไหน หรือขับไปในเมือง รวมถึงต่างอำเภอเลย รถยนต์อยู่กับตนใช้ในบ้าน ขับไปไร่ไปนาตลอด ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคดี หรือมีปัญหาอะไรตนไม่ทราบ ที่สำคัญรถได้ขายซากไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2550
ทั้งนี้คำบอกเล่าของนายอุบลนั้นมีความขัดแย้งกับคำให้การของ นางจอมทรัพย์ ซึ่งกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ตำรวจระบุว่า นายสับ วาปี อายุ 60 ปี รวมถึงรถยนต์ กค 56 มุกดาหาร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว แต่มีการสร้างขบวนการรับผิดแทน โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง