จากกรณี พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/1” เข้าค้นปิดล้อมเป้าหมาย 36 จุด และเข้าจับกุมตัวนายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 41 ปี ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขณะเดินทางมาพักผ่อนในกรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึดของกลางเอกสารต่างๆ เงินสด 350,000 บาท และธนบัตรสกุลดอลล่าร์ สหรัฐอเมริกา 35,000 ดอลล่าร์ เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา จากนั้นได้ขยายผลเข้าตรวจค้นทั้งหมด 36 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 7 ราย พร้อมของกลางกว่า 74 รายการ ประกอบด้วย บ้าน 2หลัง โฉนดที่ดินจำนวน 14แปลง รถยนต์หรู 14คัน รถจักรยานยนต์ 11คัน บัญชีเงินฝาก 29 รายการ ทองรูปพรรณและเงินสดมูลค่า1.5 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า หลายล้านบาท นั้น
เมื่อวันที่ 21 มกราคม พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. กล่าวว่า นายไซซะนะเป็นผู้ต้องหาที่ทางการลาวและทางการไทยต้องการตัวมากที่สุด ตามจับมานานกว่า 5 ปี ทางรัฐบาลของลาวและบช.ปส. จึงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยตลอด ทราบได้ว่านายไซซะนั้นเป็นนักธุรกิจใหญ่ในประเทศลาว มีธุรกิจโรงเลื่อย ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอีกหลายรายการ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางประเทศลาวไม่สามารถจับกุมได้ เนื่องจากยังไม่พบการกระทำความผิดในประเทศลาว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไทยพบการกระทำความผิดของนายไซซะนะ และสามารถออกหมายจับ นำสู่การจับกุมได้ ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นและลำเลียงยาเสพติด บช.ปส.ของไทย และเจ้าหน้าที่ลาวจึงได้ช่วยดำเนินการตามาตรการยึดทรัพย์ ตรวจสอบและยึดทรัพย์สินต่างๆที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ผบช.ปส.กล่าวด้วยว่า จากการเข้าค้นสถานที่เป้าหมาย 36 จุด ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของนางไซซะนะ ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 2 3 4 และภาค5 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 รายซึ่งเป็นเครือข่ายของนายไซซะนะ มีหน้าที่แตกต่างกันไป อาทิ รับส่งยาเสพติด ลำเลียงยา ให้ที่พักยาเสพติด และหน้าที่กระจายยาเสพติดไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ทางบช.ปส.ได้ประสานไปยังประเทศลาวให้ทำการยึดทรัพย์ของนายไซซะนะพบว่ามีรถหรูกว่า 20 คัน อาทิ รถยนต์เบนซ์ราคา 17 ล้านบาท ใช้เป็นชื่อของคนรับใช้ที่บ้าน และนำมาใช้ขับขี่ในประเทศไทย รวมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้น่าจะเชื่อว่านายไซซะนะมีบ้านหรือโรงแรมพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยมีนอมินีเป็นผู้จัดการทุกอย่างให้
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่านายไซซะนะใช้เส้นทางลำเลียงยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย ลงมา และภาคเหนือใช้เส้นทางจ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.แพร่ จ.น่าน ในการลำเลียงยาเสพติดเพราะว่าเส้นทางดังกล่าวอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการขนส่งให้แต่ละครั้ง รถแต่ละคันรถที่ใช้ลำเลียง มีจำนวนยาเสพติดคันละเกือบ 1 ล้านเม็ด สำหรับไซซะนะนั้นเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ระดับใหญ่กว่า “เล่าต๋า แสนลี่” และอยู่ในเครือข่ายเดียวกันกับ “อุสมาน สแลแมง” ที่เป็นกลุ่มยาเสพติดรายใหญ่ของภาคใต้ คาดว่าเป็นแม่ข่ายในระดับเดียวกันโดยทั้งสองจะมีนายใหญ่คนสำคัญเป็นคนสั่งการ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นคนสัญญชาติใด อยู่ระหว่างการตรวจสอบ อีกทั้งเชื่อได้ว่านายไซซะนะจะโยงใยกับกลุ่มแก๊งค้ายาเสพติด ที่จัดงาน “แทงกิ้ว ปาร์ตี้” ขอบคุณเอเย่นต์ค้ายาเสพติดในรีสอร์ตย่านเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งตำรวจบช.ปส.จับได้เมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องพฤติกรรมของนายไซซะนะนั้นจะมีการจัดปาร์ตี้เพื่อตอบแทนเครือข่ายที่สามารถกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆได้ซึ่งมีพฤติกรรมที่สอดคล้องกัน อย่างไรก็ตามสำหรับเครือข่ายอีก 100 เครือข่ายนั้นยังอยู่ในระหว่างดำเนินการยังไม่สามารถเปิดเผยได้แต่คาดว่าไม่นานนี้จะสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด
