บิ๊กโจ๊ก คุย ม็อบ สกท. จี้ทบทวนคำสั่งตั้ง กก.จัดการหนี้เกษตรกร ชี้ยังไม่ตรงวัตถุประสงค์
เมื่อเวลา 13.35 น. วันที่ 28 มกราคม บริเวณหน้ากระทรวงการคลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ฐานะกำกับงาน ด้านความมั่นคง เข้าพูดคุยกับนายยศวัจน์ ชัยวัฒนสิริกุล กลุ่มสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย (สกท.) เดินทางมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการจัดการหนี้สิ้นของเกษตรกร ซึ่งเห็นว่าคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว ยังไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของสมาชิก ซึ่งการพูดคุย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขอให้แกนนำจัดทำบันทึกข้อเสนอและข้อเรียกร้องทั้งหมดเป็นเอกสารและจะนำไปส่งมอบให้กับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำรับปากว่าจะชุมนุมด้วยความสงบแต่ขอให้ตำรวจช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มมวลชนที่เดินทางเข้ามาสมทบช่วงเย็นวันนี้อีกประมาณ 1,000 คน พร้อมขอให้ช่วยจัดการจราจรเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนที่สัญจรไป-มา โดยมี พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.กฤษฎางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ ดูแลพื้นที่พร้อมรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การเจรจาในวันนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ มวลชนรับปากว่าจะไม่เคลื่อนพลหรือจัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายแต่จะร่างหนังสือเอกสารเพื่อขอให้ส่งมอบให้กับรองนายกรัฐมนตรีผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนได้รับหนังสือข้อเรียกร้องทั้งหมดแล้วในวันที่ 29 ม.ค.จะนำเรียนนายภูมิธรรม ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาความเดือดร้อนของภาคประชาชน อย่างกรณีการคัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์กลุ่มมวลชนก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่มีการเจรจาขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ลงพื้นที่เพื่อรับเอกสารด้วยตนเองเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความจริงจังจริงใจในการแก้ปัญหาปากท้อง ส่วนข้อเสนอที่ได้รับมาจากกลุ่มแกนนำนั้นก็เป็นข้อเสนอที่ต้องการให้รัฐบาลออกมารับว่าจะรับไว้พิจารณาตามที่เสนอเรื่องการตั้งคณะกรรมการบริหารหนี้สินของเกษตรกร ซึ่งหากได้รับการพิจารณากลุ่มมวลชนทั้งหมดก็พร้อมที่จะสลายตัวเดินทางกลับภูมิลำเนา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า หากทุกกลุ่มที่มีปัญหาเดินทางมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามเงื่อนไขชุมนุมด้วยความสงบและไม่ส่งผลกระทบต่อปัญหาการจราจรก็ยืนยันว่าทุกปัญหาสามารถจบได้ด้วยการเจรจา ซึ่งก็มีตัวอย่างให้ดูมาก่อนหน้านี้แล้วการใช้กำลังหรือการปะทะไม่ได้ส่งผลดี ต่อรัฐบาลประชาชนหรือแม้กระทั่งภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่กำลังต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนเพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน