กันจอมพลัง ช่วยเด็ก 4 ขวบถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายเจ้าตัวยันแค่หลอกล้อยันบริสุทธิ์ใจ

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อม น.ส.นฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตคลองสามวา เข้าช่วยเหลือเด็กชายอายุ 4 ขวบ ถูกทำร้ายตามร่างกายหลายแห่ง ภายในชุมชนริมคลองหนองระแหง เขตคลองสามวา กทม. ไปตรวจร่างกาย โดยนางบุญเพ็ง (สงวนนามสกุล) แม่ค้าในละแวกชุมชน กล่าวว่า ครอบครัวเด็กมาพักอาศัยอยู่เมื่อต้นปี 2567 ที่แคมป์คนงาน โดยเห็นรอยแผลช้ำตามร่างกายเด็กอยู่บ่อยครั้ง พอถามว่าใครทำเด็กบอกว่าปะป๊าตี เห็นแล้วสงสารเด็กเลยให้น้องสาวไปบอกประธานชุมชน จากนั้นก็มีผู้เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือ ช่วงเด็กอยู่กับแม่จะมีพฤติกรรมที่ปกติดี แต่พออยู่กับพ่อเลี้ยงจะมีอาการหวาดกลัว โดยไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงมีการคลุ้มคลั่งใดๆ เวลาออกไปทำงานก็มีท่าทางปกติ

ด้านน้องสาวนางบุญเพ็งกล่าวว่า รอยแผลตามร่างกายของเด็กนั้นพ่อเลี้ยงกระทำกับเด็กตอนไหนชาวบ้านยังไม่รู้ บอกว่าเจ็บตรงนี้เห็นอีกทีเป็นแผลไปแล้ว เวลาเด็กมาบอกพวกตนก็สงสาร พอถามว่าพ่อเลี้ยงทำแบบไหน เด็กตอบว่าต่อยและเอาบุหรี่จี้ตามจุดต่างๆ มีวันหนึ่งเห็นแผลที่อวัยวะมีร่องรอยถูกบุหรี่จี้เลยทนไม่ไหวจึงถามผู้ปกครองว่าลงมือทำร้ายลูกใช่หรือไม่ โดยแม่ชี้ไปทางสามี โดยพ่อเลี้ยงบอกว่าแค่เกิดอาการมันเขี้ยวเด็ก จึงบอกว่าทำขนาดนี้แจ้งความจับได้เลยนะ จากนั้นพ่อเลี้ยงบอกว่าไปแจ้งเลย เดี๋ยวจะเตะยันคนแจ้ง เคยเรียกตัวแม่เด็กมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแต่เหมือนว่าแม่ทำเฉยตลอด

นายกัณฐัศว์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวหากแม่รู้เห็นเป็นใจนั้นเข้าข่ายเป็นผู้ให้การสนับสนุนหรือไม่ หากใช่ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับสามีที่ทำร้ายเด็ก ซึ่งพูดคุยกับทางบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานครว่าจะให้รับตัวเด็กไว้เลย ในส่วนทางคดีจะประสานกับ ผกก.สน.คันนายาว ให้สอบสวนฝ่ายแม่และเด็กไว้เบื้องต้น โดยมีการประสานฝ่ายพ่อเลี้ยงมาให้ปากคำ เบื้องต้นน่าจะเข้าข่ายการกระทำผิดในการทำร้ายร่างกาย ส่วนสาหัสหรือไม่นั้นต้องดูในส่วนของตรวจร่างกาย ขอฝากพ่อเลี้ยงด้วยว่า เลือกเอาว่าจะมามอบตัวเอง หรือให้หมายตามไป

นายเรืองศักดิ์ กลับเนียม เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเด็กและแม่ไปดูแลตามสิทธิก่อนนำไปตรวจร่างกายและสภาพจิตใจเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการนำเด็กและแม่กลับไปอยู่กับสามีนั้นต้องประเมินอย่างถี่ถ้วนให้ปลอดภัยที่สุด หากกลับไปแล้วเกิดมีการก่อเหตุซ้ำอีกครั้งหนึ่งคงไม่สามารถปล่อยกลับได้

ADVERTISMENT

ต่อมา นายอดิศร หรือนายโอ อายุ 22 ปี พ่อเลี้ยง เปิดเผยหลังมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ว่ายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะทำแต่งาน ผู้สื่อข่าวถามว่าทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยงจริงหรือไม่ นายอดิศรบอกว่าเพียงแค่เล่นกับลูก หยอกด้วยความมันเขี้ยว โดยบีบแก้มและกัดแก้มเพราะเด็กตัวอ้วนจ้ำม่ำ แต่ถ้าลูกร้องก็สงสารแล้วหยุดทำ ซึ่งภรรยามักจะต่อว่าเวลาเล่นกับลูกแรงแต่ไม่ได้ห้ามปราม ยอมรับว่าถ้าเห็นลูกอีกก็จะทำอีกเพราะมันเขี้ยว ก็มีบ้างเวลาที่กลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ แล้วอยากจะนอนพักที่มีอาการโมโหเวลาที่ลูกร้องเสียงดังก็จะพลั้งมือตีไปบ้าง ยืนยันว่ารักลูกคนนี้เหมือนเป็นลูกตัวเองแม้จะเพิ่งมาอยู่ด้วยกันกับภรรยาที่คบหาเพียง 1 ปี

เมื่อถามว่าใช้บุหรี่จี้ปากลูกจริงหรือไม่ นายโอยืนยันเสียงแข็งว่าไม่เคยทำแน่นอน และร่องรอยบาดแผลบางแผล เช่น รอยขีดบนใบหน้าก็เกิดจากการที่ลูกวิ่งเล่นแล้วหกล้มเอง ไม่ได้เกิดจากตนทั้งหมด ส่วนร่องรอยที่อวัยวะเพศนั้นไม่เคยสังเกตเห็นว่าลูกมีแผลที่บริเวณดังกล่าว ส่วนที่พูดกับชาวบ้านที่มาเตือนเรื่องลูกจริงหรือไม่ว่าจะเตะคนที่ไปแจ้งความ นายอดิศรยอมรับว่าพูดจริง แต่เป็นอารมณ์ชั่ววูบเพราะโมโหที่เลิกงานมาเหนื่อยๆ และหากต้องถูกดำเนินคดีก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการ ยืนยันว่ามีเจตนาบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายลูก

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image