‘บิ๊กเต่า’ เผย เมียพี่ศรี เข้ารับทราบข้อกล่าวหาพรุ่งนี้ มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดเป็นตัวการร่วมขบวนการตบทรัพย์
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าแก๊ง นายเอกลักษณ์ วารีชล อายุ 47 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินสำหรับตนเองโดยมิชอบฯ
หลังพบร่วมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และ น.ส.พิมณัฎฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือการ์ตูน ข่มขู่เรียกรับเงินนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนทุจริต นายเอกลักษณ์ ถือเป็นคีย์แมนสำคัญระดับสั่งการ ภายหลังเจ้าหน้าที่เขตตรวจราชการที่ 11 สำนักนายกรัฐมนตรี 2 คน เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ บก.ปปป. เกี่ยวกับเรื่องขอบเขตอำนาจหน้าที่ และคำสั่งต่างๆ ของนายยศวริศ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า สอบปากคำและนำเข้าสำนวนคดีแล้วซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดียังเหลือเจ้าหน้าที่เขตตรวจราชการฯ ส่วนอีก 2 คน ที่จะมาให้การในวันหลัง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ส่วนการที่เจ้าหน้าที่เขตตรวจราชการที่ 11 ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องคำสั่งที่มีการแต่งตั้งนายยศวริศ เนื่องจากมีคำสั่งถูกย้ายออกไปอยู่เขตอื่นก่อนนั้น มองว่าการสับเปลี่ยนโยกย้ายของเจ้าหน้าที่น่าจะจริงแต่ประเด็นการสอบเกี่ยวกับการเป็นเจ้าหน้าที่ของนายยศวริศ จะต้องมีการสอบเพิ่มและเรียกเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่นๆ ในสำนักนายกรัฐมนตรีเข้ามาสอบปากคำเพื่อใช้ในการประกอบคดี
สำหรับภรรยานายศรีสุวรรณ ที่มีการออกหมายเรียกเพื่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาจะเดินทางมาในวันที่ 15 ก.พ. โดยนัดสอบปากคำประเด็นที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นตัวการร่วม ซึ่งตำรวจมีหลักฐานเป็นแชตไลน์ วิดีโอ คลิปเสียง และอื่นๆ ครบทุกอย่าง ซึ่งเมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาก็จะให้ปล่อยตัวชั่วคราวขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณจัดทำเอกสารชี้แจงปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดและนัดส่งแก่พนักงานสอบสวน บก.ปปป. วันที่ 16 ก.พ. ว่ายังไม่ได้รับรายงานจากนายศรีสุวรรณ ว่าจะเลื่อนส่งเอกสารหรือไม่ ส่วนประเด็นที่ต้องสอบเพิ่มมีอีกหลายประเด็นไม่รู้ว่านายศรีสุวรรณจะมาเองหรือส่งตัวแทนมายื่นหนังสือชี้แจง แต่ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการเลื่อนส่งคำชี้แจงแต่ต้องเรียกนายศรีสุวรรณมาพบอยู่ดีเพราะมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องเรียกสอบเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้จะออกหมายเรียกใครที่เกี่ยวข้องกับขบวนการตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า กำลังหาคนที่เกี่ยวข้อง เช่นการที่ตำรวจคณะทำงานเรียกนายโอวาท ข้าราชการที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ส่งข้อมูลการทุจริตโครงการในกระทรวงให้กับนายเอกลักษณ์นั้นเข้ามาให้ปากคำ เมื่อดูแชตไลน์ส่วนตัวในการพูดคุยเรื่องต่างๆ แล้วก็เห็นว่ายังไม่มีแนวโน้มไปในทางที่ให้ข้อมูลอะไร และตนพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไปส่วนหนึ่งแล้วว่าดูแล้วอาจจะไม่เกี่ยวข้อง ส่วนนาย ก. ให้พนักงานสอบสวนเรียกไปแล้วแต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าให้การอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ข้อสรุปของกลุ่มผู้ต้องหาข่มขู่เรียกเงินอธิบดีกรมการข้าว ว่ามีคนที่อยู่เบื้องหลังที่ใหญ่กว่านี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ตรวจสอบพยานหลักฐานคิดว่ามีคนที่คอยชักใยวางแผนอยู่ ซึ่งมองเห็นแต่มันบางๆ ส่วนความเสียหายวง 2 (กระทรวงยุติธรรม) พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ขณะนี้กำลังตั้งเรื่องและทำรายละเอียดถ้าพร้อมผู้เสียหายก็จะเข้ามาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ทันที ส่วนใครจะเป็นผู้เข้ามาแจ้งความนั้นมองว่า นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็อยากจะเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกัน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวอีกว่า สำหรับวันที่ 15 ก.พ. ที่จะประชุมร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีหลายเรื่องที่จะต้องพูดคุย และมีรายละเอียดในทางคดีหลายอย่างที่จะต้องมานั่งถกกัน ส่วนความเป็นไปได้การอายัดทรัพย์ขบวนการข่มขู่เรียกเงินนั้น ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีและตรวจทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมๆ กันเพราะต้องการให้กรณีนี้เป็นแผนประทุษกรรมของอีกหลายคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ละเอียดและมีประโยชน์ต่อเคสต่างๆ ที่จะทำต่อด้วย
รอง ผบช.ก.กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ อีสาน เข้ามาให้ข้อมูลขบวนการข่มขู่เรียกเงิน และกล่าวถึง นาย ว. ว่าตกเป็นเครื่องมือ นาย อ. จะยังจำเป็นต้องเรียกเข้ามาหรือไม่ นั้นว่านาย ว. จะเข้ามาพบกับพนักงานสอบสวน ปปป. อยู่แล้ว แต่ต้องการที่จะรักษาความลับในสำนวน เพราะการได้ข้อมูลจากนายเสกสกล เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นแผนประทุษกรรมเดียวกัน และพยายามสืบสวนหาข้อมูล และมีความใกล้เคียงกัน แต่ตัวละครอาจจะไม่ครบองค์ประกอบเท่ากรณีนี้ซึ่งจะต้องรอดูรายละเอียดอีกครั้ง
ขณะนี้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. อยู่ระหว่างการสอบปากคำบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องกับขบวนการตบทรัพย์ ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ว่าการให้ปากคำเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่ เพราะมีอีกหลายเรื่องที่เราอยากรู้ข้อมูลความลับเกี่ยวกับกลุ่มนี้
รายงานแจ้งว่า บัญชีม้าที่เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. คือ นาย น. ซึ่งเป็นเพื่อน น.ส.พิมณัฎฐา หรือ การ์ตูน หนึ่งในผู้ต้องหาขบวนการข่มขู่เรียกเงิน ซึ่ง น.ส.พิมณัฎฐาขอให้โอนเงินเข้าบัญชีของนาย น. ก่อนขอให้โอนคืน ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ทางพนักงานสอบสวนเปิดเผยสั้นๆ ว่า จะต้องนำผลการสอบสวนเข้าเสนอต่อที่ประชุมของคณะกรรมการ เพื่อจะพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่