จุดความร้อนไทย กลับมาพุ่ง 1 พันจุด โคราชดำเนินคดีชาวบ้าน 5 ราย ลอบเผาแปลงเกษตร
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมา นายธนัญชัย วรรณสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา (ผอ.สคพ.11 นม.) เปิดเผยสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาว่า ล่าสุดวันนี้วัดได้ 53.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม) สาเหตุหลักมาจากเผาในที่โล่ง ข้อมูลสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน หรือ GISTDA) พบค่าจุดความร้อน (Hot Spot) ของจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 38 จุด ทราบว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่เกษตรกรรมและลักลอบเผาหญ้าวัชพืชริมถนนหลวง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยและส่วนหนึ่งมาจากอิทธิพลลมตะวันออกเฉียงเหนือ หรือลมหนาวที่อ่อนกำลังลง ทำให้จุดความร้อนจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้านย้อนขึ้นมาส่งผลกระทบต่อประเทศไทย รวมทั้งรถยนต์ดีเซลปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐาน
นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กได้สั่งการให้นายอำเภอ 32 อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการควบคุมกวดขันและจับกุมผู้กระทำผิดทุกราย
ขณะเดียวกันฝ่ายปกครอง อ.สีคิ้ว ลงพื้นที่ปฏิบัติการจับกุมผู้ลักลอบเผาแปลงเกษตร จำนวน 5 จุด ประกอบด้วย พื้นที่หมู่ 9 ต.หนองหญ้าขาว จำนวน 2 ราย พื้นที่หมู่ 11 ต.หนองหญ้าขาว และพื้นที่หมู่ 9 ต.กุดน้อย 2 ราย ผู้ต้องหาทั้ง 5 จุด เป็นเจ้าไร่ได้เผาใบอ้อย ให้การรับสารภาพจึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สีคิ้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) และจากดาวเทียมอีกหลายดวง พบว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 1,097 จุด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 294 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 277 จุด พื้นที่เกษตร 223 จุด พื้นที่เขต ส.ป.ก. 151 จุด แหล่งชุมชนและอื่นๆ 135 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 17 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี 234 จุด
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพบจุดความร้อนมากสุดอยู่ที่กัมพูชา 3,223 จุด ตามด้วยพม่า 1,447 จุด ลาว 1,051 จุด และเวียดนาม 174 จุด