“ทีพีพี” ผลกระทบด้านแรงงาน

สิ่งที่ประเทศไทยต้องเกาะติดสถานการณ์ขณะนี้ นอกจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) แล้วยังมีกรณี 3 ประเทศสมาชิกอาเซียน คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ได้ลงนามข้อตกลงเป็นสมาชิก ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-pacific Partnership : TPP) หรือทีพีพีด้วย เพราะมีประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมมากถึง 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าไทยอาจได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ทั้งนี้ นักวิชาการที่จับตาในประเด็นนี้ต่างแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทย ดังเช่น น.ส.พุทธชาติ วงษ์มงคล ผู้อำนวยการส่วนอเมริกาเหนือ สำนักอเมริกา แปซิฟิก และองค์การระหว่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อธิบายว่า ทีพีพีเป็นข้อตกลงเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ ครอบคลุมทั้งการเปิดตลาดสินค้า การค้าและบริการ การลงทุน รวมทั้งการร่วมมือในทางเศรษฐกิจ โดย แรงงาน ถือเป็น 1 ในข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งไทยอยู่ระหว่างศึกษา รวบรวมความคิดเห็นของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาว่าจะยื่นขอเข้าเป็นสมาชิกทีพีพีหรือไม่

น.ส.พุทธชาติบอกว่า เบื้องต้นมองว่าข้อดีของการเข้าเป็นสมาชิกทีพีพี คือ สามารถรักษาตลาดส่งออกสินค้าหลักของไทย อย่างสหรัฐและญี่ปุ่น รวมทั้งยังสามารถขยายไปยังตลาดใหม่ เช่น แคนาดา เม็กซิโก ฯลฯ ได้ ส่งผลให้การจ้างงานในประเทศสูงขึ้น ดึงดูดการลงทุนและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติ สร้างโอกาสของนักลงทุนไทยในต่างประเทศ และเป็นการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองแรงงานและสิ่งแวดล้อมให้มีความน่าเชื่อถือ ส่วนข้อเสียนั้นมองว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านสินค้าและบริการสูงขึ้น พันธกรณีดังกล่าวอาจจำกัดนโยบายของรัฐบาลในบางเรื่อง และเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง หากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อมสากล

“จากการรับฟังความเห็นเบื้องต้นนั้น ภาคเอกชนเสนอให้ไทยเข้าเป็นสมาชิกทีพีพี เพื่อไม่ให้เสียโอกาสด้านการค้าและการลงทุน ส่วนภาคสังคมเป็นห่วงผลกระทบที่จะตามมาในด้านต่างๆ เช่น ด้านสาธารณสุขและยา การเกษตร ส่วนหน่วยงานรัฐเป็นห่วงเรื่องการแก้ไขกฎระเบียบและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีการเสนอตั้งกองทุนเพื่อศึกษาวิจัยทีพีพี โดยเฉพาะผลกระทบด้านการเกษตร” น.ส.พุทธชาติกล่าว

ด้าน น.ส.บุญวรา สุมะโน นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่าไทยจะไม่ได้เป็นสมาชิกทีพีพี แต่ก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เนื่องจากข้อตกลงของทีพีพีนั้นเน้นในเรื่องการใช้แรงงานที่ดีตามมาตรฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) และด้านสังคม อีกทั้งเน้นในเรื่องการขจัดการใช้แรงงานบังคับ ขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด การไม่เลือกปฏิบัติและสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วมของสหภาพ แม้ว่าไทยจะไม่ได้เป็นประเทศภาคี แต่ก็จะได้รับผลกระทบโดยเฉพาะด้านแรงงาน เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทยอยู่ในภาคีและต้องปฏิบัติตามโดยการไม่ซื้อสินค้าจากประเทศที่ถูกกล่าวหาว่ามีการค้ามนุษย์ ซึ่งปัจจุบันไทยยังถูกทางการสหรัฐจัดให้อยู่ในอันดับ 3 ของการเฝ้าระวังสถานการณ์ค้ามนุษย์ รวมถึงถูกจับตากรณีมีการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ

ADVERTISMENT

“หลายประเทศที่เป็นสมาชิกทีพีพีมีการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย ทั้งอาหาร สินค้าเครื่องใช้และวัตถุดิบในการผลิตสินค้า หากเราไม่สามารถส่งสินค้าออกไปในนามประเทศไทยได้ก็จะส่งผลให้มีการย้ายฐานการผลิตสินค้าต่างๆ ไปประเทศอื่นเพื่อไม่ให้กระทบต่อการส่งออก เช่น เวียดนาม มาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งนั่นจะก่อให้เกิดผลกระทบด้านแรงงานตามมา ดังนั้นไทยจะต้องเร่งแก้ปัญหาด้านแรงงานก่อนที่ข้อตกลงทีพีพีจะมีผลบังคับใช้” น.ส.บุญวรากล่าว

ขณะที่ รศ.นิรมล สุธรรมกิจ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ทีพีพีกำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานอย่างเคร่งครัด โดยไม่ใช้มาเป็นเครื่องมือกีดกันทางการค้า แต่กลับมีข้อตกลงในเรื่องของแรงงานบังคับและการค้ามนุษย์ ซึ่งไทยจะต้องมีเครื่องมือในการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานตามข้อกำหนดของไอแอลโอ ภาครัฐจะต้องร่วมมือกับภาคเอกชนในการดูแลสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงาน เช่น ความปลอดภัยในการทำงาน ระบบสวัสดิการของแรงงาน และต้องไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติกับแรงงานสตรี แรงงานต่างด้าว และแรงงานสูงอายุ ทั้งนี้ มองว่าทีพีพีจะส่งผลดีต่อแรงงาน เพราะจะทำให้นายจ้างปรับปรุงด้านสวัสดิการ ทำให้ลูกจ้างได้รับการดูแลที่ดีขึ้น แต่ในทางกลับกันจะส่งผลให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น เมื่อรวมกับค่าจ้างขั้นต่ำที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านก็อาจเกิดผลกระทบด้านการย้ายฐานการผลิตตามมา นอกจากนี้ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจและด้านสังคมด้วย

หากไทยเป็นสมาชิกทีพีพีจะส่งผลให้มีผู้ประกอบการที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์ในคราวเดียวกัน แรงงานเองก็เช่นกัน ต้องมองว่าทำอย่างไรจึงสามารถเฉลี่ยประโยชน์ของคนที่ได้ไปให้คนที่เสียประโยชน์ เพื่อเป็นการเยียวยาและเพื่อให้อยู่ได้ เช่น หากรับทีพีพีอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์คือ ด้านยานยนต์ แต่อุตสาหกรรมเกษตรจะเสียประโยชน์ จะต้องดูแลอย่างไรให้ได้รับประโยชน์ทั้งหมด