ครอบครัว เรียกเยียวยา 10 ล้าน เหตุตกท่อดับ จี้รบ.เร่งเปลี่ยนฝาท่อ อย่าขอไปทำ หวั่นเกิดเหตุซ้ำ
กรณีนายกำธร จารุอนันต์ อายุ 59 ปี พลัดตกบ่อพักและท่อร้อยสายไฟ บริเวณปากซอยลาดพร้าว 49 ถนนลาดพร้าว แขวงสะพาน 2 เขตวังทองหลาง กทม. เสียชีวิต ระหว่างจะไปหาพี่สาวที่สุขุมวิท และลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้าน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 พฤษภาคม ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่าญาติผู้เสียชีวิตนำเสื้อผ้า และ ดอกไม้ติดต่อเข้ารับร่างนายกำธร
นายกำพล จารุอนันต์ อายุ 57 ปี น้องชายของนายกำธร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดต่อเข้ามาพร้อมกับมอบเงินเยียวยาให้เบื้องต้น ส่วนนายฐิติวุธ เงินคล้าย รองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง ประสานให้เลขาติดต่อมา แต่ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องเงินเยียวยา เพียงแค่แสดงความเสียใจ แต่ไม่ได้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ส่วนตัวมองว่านายฐิติวุธ ไม่จริงใจและคิดว่าจะจบเรื่องนี้ได้โดยง่าย เพราะครั้งแรกบอกจะมาร่วมงานศพแต่เปลี่ยนใจให้เลขามาแทน
นายกำพนธ์ กล่าวอีกว่า ลูกสาวของเพื่อนติดต่อไปที่พรรคก้าวไกล ซึ่งรับผิดชอบเขตลาดพร้าว และเลขานายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภา ติดต่อมาพร้อมจะช่วยประสานงานเรื่องเงินเยียวยา ส่วนตัวจะฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพราะพี่ชายเป็นคนดูแลพี่สาวคนโตมาตลอด พอไม่มีพี่ชาย ก็ทำให้ครอบครัวลำบากขึ้น ถ้ามีพี่ชายอยู่ แม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่วันเสาร์-อาทิตย์ ก็ยังพาออกไปเที่ยวและทานข้าวตลอด ส่วนตัวอยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามาเปลี่ยนเรื่องฝาท่อให้เสร็จเรียบร้อย “อย่าทำแบบขอไปที” คิดว่าแค่ไม้อัดมาปิดฝาท่อเพื่อทดแทนชั่วคราว หากเด็กเดินผ่านก็ทำให้พลัดร่วงตกลงไปในท่อได้เหมือนกัน นอกจากนั้นบริเวณฝาท่อมีต้นไม้และดินปกปิดทำให้ประชาชนที่ข้ามถนนไม่สามารถสังเกตได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้อภัยกับหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือไม่ นายกำพนธ์ กล่าวว่า ไม่ให้อภัย พร้อมฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าลองให้คนในบ้านมาเดินดู และหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอ้างว่าฝาท่อมีไม่เพียงพอ ทำไมหลังเกิดเหตุถึงนำฝาปูนมาปิดทันที สิ่งนี้ทำให้เห็นและแสดงว่าฝาปูนนั้น มีอยู่ก่อนแล้ว แต่หน่วยงานแค่สะเพร่าและไม่ยอมทำ การหล่อฝาท่อใหม่น่าจะใช้เวลาไม่นาน ถ้ากลัวว่าฝาท่อหายทำไมถึงไม่ติดกล้องเอาไว้ เพราะถ้าหากมีการติดกล้องก็สามารถติดตามจับผู้ก่อเหตุได้
นายกำพนธ์ กล่าวว่าหลังเกิดเหตุญาติคุยกันว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายในการเยียวยาเป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท เพราะเชื่อว่าคงมีการเจรจาต่อรองกัน แต่อยากให้เห็นใจพี่สาวคนโต ที่ปกติจะอยู่กับผู้เสียชีวิตกัน 2 คนมาตลอด จากนี้พี่สาวซึ่งป่วยโรคเบาหวาน ความดัน อยู่ในวัยชราจะต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว
