รีสอร์ตดังมวกเหล็ก มีหนาว กอ.รมน.รุกตรวจที่ดิน เจ้าของอ้างมีเอกสาร สปก. แต่ยังไม่มีมาแสดง

รีสอร์ตดังมวกเหล็ก มีหนาว กอ.รมน.รุกตรวจที่ดิน เจ้าของอ้างมีเอกสาร ส.ป.ก. แต่ยังไม่มีมาแสดง

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.เปิดเผย การปฏิบัติ และบูรณาการหน่วยงาน เพื่อป้องกัน และปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ จ.สระบุรี ดังนี้

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศปป.4 กอ.รมน. ร่วมกับ สำนักงานป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 1 บูรณาการคณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย

  • สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้
  • หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร)
  • ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง)
  • สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) กรมป่าไม้
  • ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า
  • ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สจป.5 (สระบุรี)
  • หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สบ.1 (ท่ามะปราง)
  • หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สบ.2 (ลำพญากลาง)
  • สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี

Advertisement

โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องร้องเรียน/แจ้งเบาะแส กรณีมีการกล่าวอ้างว่ามีการบุกรุกที่ดินของรัฐปลูกสร้างรีสอร์ต/บ้านพักตากอากาศ ร้านอาหาร เปิดบริการให้นักท่องเที่ยว โดยใช้ชื่อสถานประกอบการว่า ‘ไร่ภูนับดาว‘ ตั้งอยู่ที่ ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาถึงสถานที่จุดที่มีการร้องเรียน บริเวณพิกัด 47P 742353E, 1635692N ท้องที่หมู่ 2 ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ปรากฏสถานประกอบกิจการที่ได้รับการร้องเรียนใช้ชื่อสถานประกอบกิจการว่า ‘ไร่ภูนับดาว’ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตน และวัตถุประสงค์ของการมาให้ผู้ครอบครองดูแลสถานที่ทราบ โดยในการนี้ปรากฏ นายวันชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ชาวหมู่ 2 ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี แสดงตนเป็นผู้ครอบครองและดูแลสถานที่ โดยนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวว่า สรุปผลการตรวจสอบ พบว่า พื้นที่ ‘ไร่ภูนับดาว’ มีการประกอบกิจการในลักษณะฟาร์มปศุสัตว์ โดยมีการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ โคนม, โคเนื้อ, ม้า และสัตว์ปีกจำพวกเป็ด, นกกระจอกเทศ เป็นต้น และมีการเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในลักษณะรีสอร์ต, บ้านพักตากอากาศ, ลานกางเต็นท์, ลานกิจกรรม และร้านอาหารเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว รวมเนื้อที่ประมาณ 112-3-68 ไร่

Advertisement

นายวันชัยให้ข้อมูลว่า ตนได้เข้ามาอยู่อาศัย และทำกินในพื้นที่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เดิมเป็นพื้นที่ทำไร่ข้าวโพด ไร่มันสำปะหลัง โดยช่วงแรกมีเอกสาร ภบท.5 ต่อมาได้รับเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 จำนวน 7 แปลง แต่ในการตรวจสอบ สามารถนำสำเนาเอกสารมาแสดง จำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วย

  1. หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01 ข) เลขที่ 15325 เล่ม 154 หน้า 25 อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ออกให้นางสาวบังอร รักรอด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2565
  2. หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01 ข) เลขที่ 14340 เล่ม 144 หน้า 40 อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ออกให้นายปรีชา มีประเสริฐ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2560

นายวันชัยอ้างว่าบุคคลทั้งสองเป็นเครือญาติของตน และได้ร่วมกันประกอบกิจการไร่ภูนับดาว สำหรับเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ที่ยังไม่สามารถนำมาแสดงขณะตรวจสอบได้ จะดำเนินการส่งสำเนาเอกสารให้ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป และในการนี้นายวันชัยได้นำคณะเจ้าหน้าที่ชี้ขอบเขตแปลงที่ดินของ ไร่ภูนับดาว ถือครองใช้ประโยชน์ แทนผู้ถือสิทธิในที่ดินดังกล่าว

พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวว่า คณะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลในระบบภูมิสารสนเทศที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่า บริเวณที่ตั้งของแปลงที่ดินของไร่ ภูนับดาว ตั้งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยปรากฏพบการเพิกถอนความเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 985 (พ.ศ.2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 (ปรากฏหมายเหตุท้ายกฎกระทรวง ในการเพิกถอนความเป็นป่าสงวนแห่งชาติโดยสรุปว่า เนื่องจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจะดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่บางส่วนของป่าท่าฤทธิ์ ป่าทองหลาง และป่าลำพญากลาง สมควรเพิกถอนออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติบางส่วน)

“ปรากฏว่าอยู่ในแปลงปลูกป่า (ปี พ.ศ.2521) ซึ่งดำเนินการโดยงบประมาณของกรมป่าไม้ ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการปลูกและบำรุงรักษาก่อนมีการเพิกถอนที่ดินบริเวณนี้จากความเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2520 ปรากฏข้อมูลจากการสืบสวน แสวงหาข้อเท็จจริงของคณะพนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ว่ามีการขึ้นระวางรูปแปลงที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในพื้นที่นี้ด้วยแล้ว” พ.อ.พงษ์เพชรกล่าว

พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวว่า คณะเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาสถานะของที่ดินแปลงที่ตั้งไร่ภูนับดาวแล้ว เห็นว่าเป็นพื้นที่อยู่นอกบังคับของกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในเรื่องเกี่ยวเกี่ยวกับการควบคุมและบริหารจัดการพื้นที่ ถึงแม้ว่าที่ดินซึ่งมีสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดิน เพื่อ
เกษตรกรรม มิใช่ที่ดินซึ่งมีบุคคลได้มาตามประมวลกฎหมายที่ดิน อันจะเข้านิยามความเป็นป่า ตามมาตรา 4
แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ซึ่งยังบังคับใช้ และใช้บังคับในการควบคุมการทำไม้ออกจากพื้นที่ก็ตาม แต่ในขณะตรวจสอบไม่ปรากฏพบการทำไม้ในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด และเมื่อทางราชการได้ออกเอกสารสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินให้ราษฎรมีสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ การบริหารจัดการและควบคุมการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดสรรที่ดินทำกินให้ราษฎรกรณีนี้ อยู่ในความควบคุมกำกับดูแลของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่พื้นที่ทับซ้อนกับแปลงปลูกป่า ที่ดำเนินการโดยงบประมาณของกรมป่าไม้ ซึ่งปลูกและบำรุงรักษาก่อนเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ และในขณะตรวจสอบพบว่ายังปรากฏร่องรอยของไม้สักที่ปลูกเป็นแถวเป็นแนวหลงเหลืออยู่บางส่วนในพื้นที่ ประกอบถ้อยคำของนายวันชัยว่าเป็นไม้สักที่มีอยู่เดิม โดยตนมิได้ทำไม้สักออกจากพื้นที่แต่อย่างใด เป็นกรณีที่ทางราชการกรมป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จะต้องดำเนินการหาแนวทางร่วมกันว่าจะบริหารจัดการพื้นที่กรณีนี้อย่างไร จึงจะชอบด้วยระเบียบกฎหมาย

เมื่อความปรากฏว่าที่ดินบริเวณที่ทำการตรวจสอบนี้ ทางราชการได้ออกเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ อันเป็นเอกสารมหาชนที่พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำขึ้นตามอำนาจหน้าที่ของตน เห็นควรมอบหมายให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) ส่งเรื่องให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี พิจารณาดำเนินการตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง ว่าการดำเนินการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 ในแปลงที่ดินที่ไร่ภูนับดาวครอบครองทำประโยชน์เป็นไปโดยชอบด้วยระเบียบกฎหมายและวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ต่อจากนั้นคณะเจ้าหน้าที่เดินทางไปบริเวณใกล้เคียงที่มีการร้องเรียน พบมีการใช้รถแบ๊กโฮปรับพื้นที่เป็นชั้นๆ เป็นบริเวณกว้าง มีไม้สักและต้นประดู่ขึ้นอยู่กระจายเต็มพื้นที่ ตรวจสอบโดยรอบพบไม้สักล้มอยู่ 2 ต้น ต้นที่ 1 โต 90 เซนติเมตร ยาว 900 เซนติเมตร ต้นที่ 2 โต 140 เซนติเมตร ยาว 950 เซนติเมตร และไม้ท่อน จำนวน 1 ต้น โต 160 เซนติเมตร ยาว 1,000 เซนติเมตร พิกัด 47P 0741564 E 1635321 N พบหลัก ส.ป.ก. จำนวน 1 หลัก หมายเลข ส.ป.ก.19 1.3 5177 ขณะตรวจสอบไม่พบเครื่องจักรหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในบริเวณที่ตรวจสอบ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบพื้นที่ที่มีร่องรอยการทำประโยชน์โดยใช้เครื่องมือตรวจวัดหาค่าพิกัดด้วยระบบสัญญาณดาวเทียม (GPS) ยี่ห้อ GARMIN รุ่น GPSMAP64csx ระบบ WGS 1984 จำนวน 4 จุด นำค่าพิกัดมาคำนวณพื้นที่ได้เนื้อที่ประมาณ 22-0-18 ไร่ เจ้าหน้าที่จึงได้นำค่าพิกัดมาตรวจสอบกับแผนที่ทางภูมิศาสตร์ปรากฏว่าอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ และคณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันพิจารณาเห็นตรงกันว่า เห็นควรมอบให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี ตรวจสอบว่ามีการออกเอกสารให้กับราษฎรหรือบุคคลใดหรือไม่ แล้วรายงานผลให้กับสำนักจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image