ตามที่มีข่าวในโซเชียลมีเดียถึงกรณีผู้ช่วยคณบดีคณะพยาบาล มหาวิทยาลัยสยาม ประกาศเชิญชวนให้คนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่ และอีกหลายโรคไปผ่าตัดฟรีกับทีมแพทย์จากอเมริกา โดยเอกสารทางการออกจากมหาวิทยาลัยสยามระบุว่า นพ.สมชาย กุลวัฒนาพร อดีตนายกสมาคมแพทย์ไทย ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประธานโครงการแพทย์อาสาสมัครนานาชาติ จากสหรัฐอเมริกา ได้นำศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ และพยาบาลทีมศัลยกรรมตกแต่งจำนวนรวม 32 คน มาทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ไส้เลื่อน (สะดือจุ่น) แผลเป็นจากไฟไหม้และน้ำร้อนลวก โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ปรากฎว่า มีประชาชนจำนวนมากสอบถามมายังมหาวิทยาลัยสยาม เนื่องจากหลายคนไม่มั่นใจว่าเป็นการผ่าตัดที่ได้รับการอนุญาตหรือไม่ และมีความเสี่ยงหรือไม่อย่างไร เนื่องจากโดยปกติระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของไทยมีการรักษาฟรีอยู่แล้ว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ได้ออก ประกาศว่า ประกาศฉบับที่ 1/2560 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ตามที่มีส่งต่อจดหมายของผู้ช่วยคณบดีคณพยาบาลศาสตร์ ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 ในสื่อสาธารณะเกี่ยวกับข่าวที่แจ้งว่า นพ.สมชาย กุลวัฒนาพร ได้นำแพทย์และพยาบาล จำนวน 32 คน มาทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ฯลฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว มีผู้อ่านจำนวนหนึ่งยังคงสอบถามมาที่คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามว่า คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม มีส่วนร่วมในกรณีดังกล่าวหรือไม่
ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม จึงขอเรียนชี้แจงว่า คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการออกข่าวกิจกรรมดังกล่าว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามไม่ได้ร่วมมือในการทำผ่าตัดกับทีมคณะแพทย์และพยาบาลที่มาจากประเทศอเมริกาแต่อย่างใด และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ก็ไม่ได้เป็นผู้ติดต่อหรือรู้จักกับทีมแพทย์และพยาบาลในคณะนี้เลย ผู้ที่ต้องการข้อมูลใด ๆ กรุณาติดต่อสอบถามนพ.สมชาย กุลวัฒนาพร โดยตรง จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ด้าน พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ กรรมการแพทยสภาได้ให้ข้อมูลว่าปกติการดำเนินการรักษาของแพทย์จากต่างประเทศที่มาผ่าตัดในประเทศไทยจะต้องได้รับอนุญาตจากแพทยสภา โดยเฉพาะในกรณีที่แพทย์ต่างชาติที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของไทยโดยข้อกำหนดคือต้องมีต้นสังกัด อาทิ หน่วยงานรัฐบาลเป็นผู้ร้องขอ พร้อมเหตุผล และแพทย์ผู้รับผิดชอบตามกฏหมายทั้งทางแพ่งและอาญาจากหน่วยงาน แพทยสภาจึงอนุญาตให้เขามารักษาได้โดยเป็นการอนุญาตชั่วคราว เพื่อประโยชน์ผู้ป่วยในช่วงเวลาที่กำหนด และในรพ.ที่กำหนดโดยต้องมีแพทย์ไทยร่วมรับผิดชอบผู้ป่วยเสมอ
“ในกรณีมีการออกหน่วยแพทย์ใดๆต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นแพทย์ไทย หรือแพทย์ต่างชาติ ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือไม่ และออกมาจากหน่วยงานใด ถ้ามีหลักฐานครบถ้วนก็สามารถขออนุญาตแพทยสภาให้ทำการการรักษาได้.. ..แต่อย่างไรก็ตามการผ่าตัดรักษาโรคใดๆ ต้องมีการเตรียมการวางแผนตั้งแต่ก่อนผ่าตัด ไปจนถึงกระบวนการผ่าตัดและการติดตามดูแลในช่วงหลังการรักษา จนกว่าคนไข้จะปลอดภัยและถึงเป้าหมายของการผ่าตัดนั้นๆ ซึ่ง 3 ขั้นตอนมีความสำคัญมาก ดังนั้นการเลือกสถานที่ และแพทย์ที่รักษาจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ” กรรมการแพทยสภา กล่าว
พล.อ.ต.นพ.อิทธพร กล่าวอีกว่า ส่วนการผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่ นั้นปัจจุบันเด็กไทยทุกคนมีสิทธิที่สามารถรักษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ตามสิทธิบัตรทอง ของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า แต่การผ่าตัดช้าเร็วขึ้นอยู่กับ ตัวโรคที่เป็น อายุที่เหมาะสมในการผ่าตัด และคิวที่โรงพยาบาลซึ่งตนเองมีสิทธิ หรือถ้า รพ.นั้นผ่าตัดไม่ได้ มักมีการส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือโรงเรียนแพทย์อยู่เสมอๆอยู่แล้ว ทั้งนี้ขอแนะนำว่าก่อนการรักษาใดๆ โดยเฉพาะโรคที่มีผลต่อเนื่องระยะยาว ขอให้ผู้ปกครองเด็ก หรือผู้ป่วย โปรดศึกษาข้อมูลการรักษาโรคนั้นให้รอบด้าน และวางแผนการรักษาดีที่สุดทุกครั้งก่อนตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ในระยะยาวของผู้ป่วย
