“พิพัฒน์” แสดงความเสียใจ 2 แรงงานเสียชีวิตในอิสราเอล เร่งเยียวยามอบเงินกองทุนฯ 3.5 แสนบาท

“พิพัฒน์” แสดงความเสียใจ 2 แรงงานเสียชีวิตในอิสราเอล เร่งเยียวยามอบเงินกองทุนฯ 3.5 แสนบาท

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันในรัฐอิสราเอลเสียชีวิต 2 ราย ว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยล่าสุดได้รับรายงานจาก นายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า ฝ่ายแรงงานฯ ได้รับแจ้งจาก สถานทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่าทางการอิสราเอลได้พิจารณาหลักฐานแวดล้อมที่เชื่อถือได้ และลงมติว่า มีแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันเสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อ นายสนธยา อัครศรี และนายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ ซึ่งอยู่ในรายชื่อตัวประกันที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว 8 ราย เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเดือน ต.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยนายสนธยา อัครศรี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.หนองบัวลำภู ทำงานอยู่ที่ Bee’ri กับนายจ้าง BITAN REUVEN ส่วน นายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.หนองคาย ทำงานอยู่ที่ Bee’ri กับนายจ้าง LAVI ASHER

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของสิทธิประโยชน์ที่ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายจะได้รับนั้น ประกอบด้วย 1.สิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรณีเสียชีวิต โดยทายาทจะได้รับเงินสงเคราะห์ 40,000 บาท และเงินค่าจัดการศพในต่างประเทศ เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลจากระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ของกรมการจัดหางานในเบื้องต้น พบว่า ยังคงอยู่ในความคุ้มครองของกองทุนฯ 2.โครงการเยียวยา 50,000 บาท 3.เงินชดเชยสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีเสียชีวิต โดยครอบครัวจะได้รับเงินช่วยเหลือ เป็นค่าทำศพ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 79,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการฝังศพ เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินประมาณ 47,000 บาท (1,300 usd) เงินช่วยเหลือการเป็นหม้าย ประมาณ 57,000 บาท เงินชดเชยรายเดือน และเงินชดเชยรายปี (จำนวนเงินตามหลักเกณฑ์ที่สถาบันประกันภัยแห่งชาติกำหนด

4.ติดตาม เงินชดเชยเมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้าง (ปิซูอิม) โดยฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟอยู่ระหว่างการติดตาม และ 5.เงินประกันสังคม (สปส.) ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทั้งสองราย สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนไปแล้ว แต่ยังมีเงินชราภาพอยู่ที่ประกันสังคม เป็นเงินบำเหน็จชราภาพที่คงเหลืออยู่ โดย นายสนธยา อัครศรี สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน เมื่อปี 2558 มีเงินบำเหน็จชราภาพอยู่ที่ 7,301.68 บาท (ยังไม่รวมดอกผล) และ นายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน เมื่อปี 2559 มีเงินบำเหน็จชราภาพ 31,108.26 บาท (ยังไม่รวมดอกผล)

ADVERTISMENT

“ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองราย และขอส่งกำลังใจให้กับแรงงานท่านที่เหลืออีก 6 ราย ให้ได้รับการปล่อยตัวโดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้ท่านไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ 5 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวผู้เสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินช่วยเหลือของนายสนธยา อัครศรี ที่ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับประมาณการเป็นเงิน 320,301.68 บาท และของนายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับประมาณ 344,108.26 บาท”นายพิพัฒน์กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนการดำเนินการติดตามสิทธิประโยชน์ที่ประเทศไทยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจะเร่งติดตามสิทธิประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้แก่ทายาท ส่วนการดำเนินการติดตามสิทธิประโยชน์ที่อิสราเอล ฝ่ายแรงงานฯ จะประสานกับสถานทูตและทางการอิสราเอลเพื่อให้ทายาทได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวโดยเร็วต่อไป

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image