เล็งหารือเพิ่มสิทธิสวัสดิการรับนโยบาย ‘ปั๊มลูกเพื่อชาติ’ กรมอนามัยแจกวิตามิน 3 แสนคน

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวในโซเชียลฯเพื่อเรียกร้องขอสวัสดิการรองรับนโยบายมีลูกเพื่อชาติ และมีคุณภาพ ว่า นโยบายการมีลูกเพื่อชาตินั้นเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยการเกิดทุกรายต้องมีความพร้อม ไม่ใช่ว่าดำเนินการป้องกันท้องไม่พร้อมในแม่วัยรุ่น ต้องส่งเสริมในกลุ่มแม่ที่มีความพร้อมด้วย เพื่อทารกแข็งแรงพร้อมเติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป และที่ขาดไม่ได้คือ เมื่อทารกคลอดออกมาในยุคปัจจุบัน ที่พ่อแม่ยังต้องทำงานหาเลี้ยงชีพนั้น จะต้องมีสิทธิสวัสดิการต่างๆ เพื่อรองรับเรื่องนี้

นพ.วชิระกล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์ฯ 10 ปีได้กำหนดไว้ชัดเจน คือ การพัฒนาและปรับปรุงระบบการจัดสวัสดิการสังคมเพื่อเอื้อให้ครอบครัวพร้อมจะมีบุตร ให้หญิงได้รับการดูแลตั้งแต่ระยะก่อนสมรส ระยะก่อนตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และระยะหลังคลอด รวมทั้งการจัดสวัสดิการในด้านต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ครอบครัวในการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งหากสรุปต้องพัฒนาระบบสำคัญ คือ 1.ระบบการทำงาน ปัจจุบันให้สิทธิแม่ลาคลอดได้ 3 เดือนเพื่อเลี้ยงดูลูกโดยได้รับเงินเดือนตามปกติ ล่าสุดสำหรับสิทธิข้าราชการสามารถลาเพิ่มเติมได้อีก 150 วันแต่ไม่ได้รับเงินเดือน และพ่อให้สิทธิลาได้ 15 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการขยายสิทธิไปยังภาคเอกชนหรือไม่ นพ.วชิระกล่าวว่า จะมีการหารือกันผ่านคณะกรรมการอนามัยเจริญพันธุ์แห่งชาติ ที่มีกรมอนามัยเป็นเลขานุการ และมีหน่วยงานต่างๆ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมด้วย ซึ่งจะมีการประชุมในเดือนเมษายนนี้

“นอกจากนี้ ในที่ทำงานจะต้องมีมุมให้นมแม่ หรือสถานรับเลี้ยงเด็กอ่อน หรือศูนย์เด็กอ่อนในที่ทำงาน ซึ่งหลายแห่งมีการดำเนินการแล้ว โดยแห่งที่ยังไม่มีก็จะมีการเดินหน้าขอความร่วมมือ แต่ก็ต้องมีการหารือกันก่อน ซึ่งศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กที่กรมอนามัยก็มีการจัดบริการไว้เช่นกัน 2.ระบบการเงินและภาษี ปัจจุบันรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จัดโครงการให้เงินช่วยเหลือครอบครัวละ 600 บาท/เดือนซึ่งให้ในกลุ่มที่มีรายได้น้อยประมาณปีละ 1 แสนคู่สามีภรรยา รวมทั้งภาษี ของไทยเดิมมีการลดหย่อนภาษีให้กับครอบครัวที่มีลูก 2 คน ตอนนี้ไม่จำกัดจำนวนคน เป็นต้น” นพ.วชิระกล่าว

Advertisement

นพ.วชิระกล่าวอีกว่า และ 3.ระบบสุขภาพ ปัจจุบันมีการดูแลสุขภาพตั้งแต่ระยะก่อนตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด อย่างการแจกวิตามินแสนวิเศษ อย่างโฟเลตและเหล็กนั้น ได้ตั้งเป้าแจกปีละ 3 แสนคน เพื่อเป็นการป้องกันความพิการตั้งแต่กำเนิด รวมทั้งในอนาคตจะผลักดันให้ชุดสิทธิประโยชน์ของกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กองทุนประกันสังคม และกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ครอบคลุมให้แก่ผู้ที่พร้อมอยากมีบุตร แต่ไม่สามารถมีบุตรได้ หรือมีบุตรยาก โดยจะมีระบบปรึกษาและวางแผนช่วยการมีบุตร โดยการเพิ่มสิทธิสวัสดิการต่างๆ นั้น จะต้องหารือกับคณะกรรมการว่าจะเดินหน้าอย่างไร

นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า เนื่องในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ กรมอนามัยได้จัดกิจกรรมที่เขตบางรัก รณรงค์โครงการ “ส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ” จัดเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการวางแผนครอบครัวพร้อมกับแจกวิตามินโฟลิกและธาตุเหล็กให้คู่รักที่มาจดทะเบียนสมรสในวันดังกล่าว สำหรับการแจกวิตามินโฟลิกได้แจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศแล้ว หากคู่สมรสใดสนใจสามารถเข้าไปติดต่อรับได้ที่ สสจ.ทั่วประเทศ

“ในวันแห่งความรักปีนี้ กรมอนามัยขอแนะนำให้ประชาชนร่วมทานวิตามินโฟลิกและธาตุเหล็ก เพื่อแก้ปัญหาและลดความเสี่ยงการพิการของเด็กในครรภ์ แต่ไม่ใช่ว่าเรารณรงค์ในเด็กวัยรุ่นให้มีลูก เนื่องจากกลุ่มนี้ยังอยู่ในภาวะที่ยังไม่พร้อม แต่เป็นการส่งเสริมสำหรับคนที่อยากตั้งครรภ์และมีความพร้อมมากกว่า ในส่วนของวัยรุ่นไม่อยากให้ชิงสุกก่อนห่าม และควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งระหว่างมีเพศสัมพันธ์” นพ.ธงชัยกล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image