เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รรท.ผบก.ป. พร้อม พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.อรุณ วชิรศรีกัญยา รรท.ผกก.2บก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ สว.กก.2บก.ป. และเจ้าหน้าที่ กก.2บก.ป. ร่วมกันแถลงจับกุม นายปิยะบุตร หรือฮวง ประสารกิจวัฒนา อายุ 80 ปี ชาว จ.ลพบุรี ผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกง พร้อมพระเครื่องกรุพระร่วงพิมพ์โบราณอายุ 200 ปี กว่า 30 องค์ และพระเครื่องอื่นๆ อีกหลายรายการ ได้ที่ลานจอดรถริมถนนพหลโยธิน อ.เมือง จ.ลพบุรี
พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายปิยะบุตร ร่วมกับนายเจือ สิงโตแก้ว ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ หลอกลวงผู้เสียหายว่ามีเจ้าของที่ดินต้องการจะขายที่ดินแปลงหนึ่งแต่ที่ดินนั้นติดจำนอง จึงขอให้ผู้เสียหายนำเงินมาช่วยไถ่ถอนการจำนองก่อน และเมื่อไถ่ถอนแล้วจะมีนายทุนมาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไปขายได้กำไรจำนวนมาก และจะมีส่วนแบ่งค่าตอบแทนให้กับผู้เสียหาย โดยผู้ต้องหามีหมายจับ 3 คดีจากศาลแขวงนครปฐม ศาลจังหวัดเพชรบุรี และศาลจังหวัดชัยนาท ฐานร่วมกันฉ้อโกง หลังจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นบ้านพักนายปิยะบุตร พบอดีตพระรูปหนึ่งอยู่ในบ้าน และพระเครื่องของกลางจำนวนมาก จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนนายปิยะบุตร รับว่าทำหน้าที่เป็นนายหน้า จะได้ 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่หลอกผู้เสียหาย ทำมาแล้ว 7-8 ครั้ง ในเวลา 2 ปี จะนำเงินไปเล่นพนันตีไก่ สำหรับพระเครื่องที่ตรวจพบนั้น เช่ามาจากแผงพระ ที่ท่าพระจันทร์ ร่วมกับพระผู้ใหญ่ และฆราวาสในวัดโคกโพธิกุญชร ต.ตลุง อ.เมืองลพบุรี ก่อนนำมาฝังดินไว้ในวัดดังกล่าว จากนั้นจะสร้างเรื่องว่ามีการขุดค้นพระโบราณ กรุพระร่วงพิมพ์โบราณอายุ 200 ปี เพื่อสร้างมูลค่า รวมทั้งประชาสัมพันธ์ออกข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา โดยปล่อยให้เช่าบูชาในราคาองค์ละ 5,000-10,000 บาท
พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวว่า หลังจากนี้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.2บก.ป. ขยายผลเครือข่ายขบวนการหลอกลวงที่ดิน รวมทั้งขยายผลในเรื่องขบวนการหลอกเช่าพระ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนได้รับความเสียหาย ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางเลน จ.นครปฐม ดำเนินคดีต่อไป