สมศักดิ์ คุย “ทอม เครือโสภณ-ธุรกิจกัญชา” จ่อเปิดกฎหมาย ให้ร้านขายได้ แต่สั่งจ่ายโดยแพทย์

สมศักดิ์ นั่งประชุมร่วม “ทอม เครือโสภณ-ธุรกิจกัญชา” จ่อเปิดกฎหมาย ให้ร้านขายได้ แต่สั่งจ่ายโดยแพทย์ ยัน ไม่ทำให้ต้องลำบาก ด้าน ประสิทธิ์ชัย คุยไม่จบ ลุกออกจากห้อง ลั่น จะพาผู้ป่วยหมื่นคนไปหา “เศรษฐา”

เวลา 15.30 น. เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กลุ่มนักธุรกิจ และผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชาและกัญชง ราว 30 คน นำโดย นายทอม เครือโสภณ ได้เข้าประชุมร่วมกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือถึงความชัดเจนของกฎหมายควบคุมกัญชา และแนวทางการทำธุรกิจกัญชาที่ไม่ขัดต่อกฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศออกมาบังคับใช้

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ความชัดเจนของการออกกฏหมายกัญชานั้นจะประกอบด้วย 3 ส่วน แต่ที่สำคัญคือกฎหมายจะต้องทำให้คนที่ทำถูกต้อง ต้องลำบาก ส่วนที่ 1 คือ การออก (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ที่ทางกระทรวงฯ ที่เปิดรับฟังความเห็นจนถึงวันที่ 25 มิ.ย. โดยประกาศดังกล่าวระบุว่าให้ส่วนของกัญชาบางส่วน เป็นยาเสพติด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการใช้กัญชาในทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน หรือแพทย์แผนไทย ส่วนที่ไม่เป็นยาเสพติดก็จะมีการเปิดโอกาสให้สามารถดำเนินการได้ในกรณีที่มีการขออนุญาต และขั้นตอนก็ต้องไม่ยุ่งยากด้วย

ส่วนที่ 2 คือ กฎกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องกำหนดวิธีการใช้กัญชา ที่ต้องมีการขออนุญาต ดังนั้นจะต้องมีประกาศฉบับนี้ตามออกมา เช่น การอนุญาตให้แพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย หรือแพทย์ทางเลือก ใช้กัญชาได้ ซึ่งในส่วนนี้เราจะไม่ทำให้ท่านปวดหัว ถ้าท่านตั้งใจมาลงทุนทำกัญชาที่ไม่ใช่ทางสันทนาการ และ ส่วนที่ 3 การกำหนดกฎหมายในการใช้กัญชาสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องมีการหารือร่วมกัน

ADVERTISMENT

“สำหรับสันทนาการ ไม่อนุญาต ซึ่งปัญหาคือการเสพ สูบกัญชาในที่สาธารณะ ส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยอย่างหลากหลาย” นายสมศักดิ์กล่าวด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนที่มาร่วมประชุมในวันนี้ มีความเห็นตรงกันว่ากัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ แต่ส่วนที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องมีการควบคุม ซึ่งเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้อง 3 ส่วน คือ ภาคธุรกิจ ภาคสังคมที่ส่วนใหญ่มองกัญชาในด้านลบ ตรงนี้จึงต้องช่วยกันทำให้กัญชาถูกต้องในการใช้ประโยชน์ และ กลุ่มนักวิชาการ ที่มีความห่วงใย ดังนั้นขณะนี้เราต้องสร้างความเข้าใจให้ทั้ง 3 ส่วนนี้เห็นตรงกัน เราถึงจะก้าวไปข้างหน้าได้ ส่วนความชัดเจนในเรื่องของการปลูก จำหน่าย ปรุงยา การทำเป็นผลิตภัณฑ์ และการนำเข้าส่งออก โดยขณะนี้ ท่านรมว.สาธารณสุข ได้ให้กรอบแนวทางในการดำเนินการ เช่น การปลูกเพื่อรักษาตัวเองที่บ้าน จะไม่มีการอนุญาตแล้ว แต่การปลูกแบบอุตสาหกรรม มีการขออนุญาต มีการควบคุม ก็จะมีการหารือกันเพื่อออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ส่วนการจำหน่ายเพื่อสันทนาการ ก็จะไม่สามารถทำได้ แต่จะต้องเป็นการจำหน่ายผ่านระบบที่มีการควบคุมโดยแพทย์ ซึ่งส่วนนี้เป็นที่ยอมรับได้ในสังคม ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นขั้นตอนต่อไปหลังจากที่มีการออกประกาศกระทรวงฯ เรื่องการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 ที่ อยู่ในระหว่างการเปิดรับฟังความเห็น ตั้งแต่วันที่ 11-25 มิ.ย.นายทอม กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำคณะนักธุรกิจกัญชารายใหญ่ที่รวมกันในห้องประชุมวันนี้มีการลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท มาพบกับ รมว.สาธารณสุข เช่น ผู้บริหารบริษัทคุกกี้ ที่เป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายกัญชารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และได้มาลงทุนในประเทศไทยมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งได้ยืนยันว่าไม่มีข้อติดขัดเรื่องกฎหมาย เพียงแต่ขอให้มีความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติ ซึ่งร้านจำหน่ายกัญชาของเขาที่อยู่ในประเทศประเทศไทยนั้นมีการตรวจบัตรประชาชน เพราะอยากทำให้ถูกกฎหมายที่สุด นอกจากนั้นยังสนับสนุนให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ เช่น ควรมีแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์แผนไทยอยู่ในร้านจำหน่ายกัญชา และไม่ได้สนับสนุนให้มีการสูบกัญชาในที่สาธารณะด้วย ทุกคนจึงยินดีที่จะให้ความร่วมมือและทำตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตนจะมีการนัดหารือกับภาคธุรกิจกัญชา เพื่อเขียนกรอบแนวทางตามที่ทาง สธ. ได้อธิบายในวันนี้ต่อมา 17.00 น. นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำตัวแทนผู้สนับสนุนการใช้กัญชาและสนับสนุนการนำกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษ ราว 10 คน เข้าประชุมร่วมกับ รมว.สาธารณสุข โดยระบุว่า ตนมีข้อเรียกร้อง 2 ประการ คือ 1. ขอให้มีการควบคุมกัญชาด้วย พระราชบัญญัติกัญชง กัญชา พ.ศ. … ซึ่งที่ผ่านมาถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำให้ไม่สามารถออกมาเป็นกฎหมายควบคุมได้ และ 2.ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมในการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ว่า กัญชาควรถูกควบคุมด้วยกฏหมายใด โดยจะต้องไม่มีธงว่าจะต้องนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ไม่เป็นยาเสพติด เพราะ การคุมด้วยกฎหมายพ.ร.บ.กัญชาฯ กับ พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มีผลในการดำเนินการและบทลงโทษต่างกัน เช่น หากใช้การควบคุมด้วย พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด จะทำให้ประชาชน ไม่สามารถปลูกกัญชา เพื่อดูแลสุขภาพของตัวเองได้ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าเรื่องนี้สามารถศึกษาได้เสร็จภายใน 2 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการหารือกับนายประสิทธิ์ชัย พร้อมคณะ ไปได้ราว 1 ชั่วโมง บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตึงเครียด โดยนายประสิทธิ์ชัย ได้ปิดไมค์และเดินออกจากห้องประชุมทันที พร้อมระบุว่า จะนำผู้ป่วยที่ใช้กัญชารวม 1 หมื่นคนไปหา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เนื่องจากการหารือในวันนี้ พบว่านายสมศักดิ์ มีธงว่าจะนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ซึ่งประชาชนจะไม่สามารถปลูกได้

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image