เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 7.30 น. ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พุทธศาสนิกเดินทางมารอเฝ้าถวายสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก หลังได้รับการสถาปนา เป็นวันที่2 โดยทางวัดได้มีการจัดระเบียบใหม่ ตั้งเต็นท์พักรอเช่นเดียวกับการเข้าสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณหน้าประตูวัด และตั้งแถวรอบริเวณด้านข้าง ฝั่งถนนอัษฎางค์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนเดินทางมาค้างคืนบริเวณวัดเพื่อรอเฝ้าถวายสักการะตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ขณะที่เวลา 03.00 น. ของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศเริ่มหลั่งไหล เข้าแถวรอเฝ้าถวายสักการะ จนเต็มพื้นที่ หางแถวยาวไปถึงปากคลองตลาด ส่วนพุทธศาสนิกชนที่มาเป็นหมู่คณะจะต้องลงทะเบียนประตูทางเข้า ฝั่งถนนเฟื้องนครและนั่งรอเฝ้าถวายสักการะ ภายในเต็นท์ที่ทางวัดได้จัดเตรียมไว้ให้อย่างเป็นระเบียบ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล6(บก.น.6) สถานีตำรวจ สำราญราษฎร์ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รักษาความเรียบร้อยประมาณ 100 นาย
จากนั้นเวลา 8.15 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จลงจากตำหนักอรุณ เข้าสู่พระอุโบสถทางประตูวิหาร ทิศตะวันออก จุดธูปเทียนบูชา พระอังคีรส ประธานพระอุโบสถ เสด็จขึ้นประทับพระอาสน์ ผินพระพักตร์ออกหน้าพระอุโบสถทิศตะวันออก ประทานโอกาสให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา นำคสช.คณะรัฐมนตรี (ครม.) เฝ้าถวายสักการะ ก่อนการประชุมครม. จากนั้นเปิดให้พุทธศาสนิกชน และคณะบุคคล ทยอยเฝ้าถวายสักการะเวลา 9.00 น. โดยพุทธศาสนิกชนเดินเข้าสู่พระอุโบสถ ทางประตูซ้ายมือ ออกจากพระอุโบสถทางประตูด้านขวา เมื่อเฝ้าถวายสักการะเสร็จแล้ว พุทธศาสนิกชน จะได้รับหนังสือที่ระบึกซึ่งวัดจัดเตรียมไว้ให้
นายศิริวัฒน์ หวานฉ่ำ อายุ 60 ปี ชาว จ.นนทบุรี กล่าวว่า ตนตั้งใจมาเฝ้าถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 3 วัน ซึ่งหลังจากได้เฝ้าถวายสักการะ แล้วเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ครั้งหนึ่งแล้วจึงปักหลักรอเพื่อเฝ้าถวายสักการะในวันนี้อีก ขอชื่นชมว่ามีการจัดระเบียบดีขึ้นมากกว่าแรก มีจุดให้นั่งพักนั่งรอ ซึ่งเมื่อคืนตนก็ได้ช่วยเจ้าหน้าที่ทหารจัดสถานที่ โดยให้นั่งรอภายในเต็นท์ได้ครั้งละประมาณ 400 คน
“จากที่ได้ติดตามพระจริยวัตรของพระองค์ได้เห็นว่าทรงเป็นพระนักปฏิบัติ เดินจงกลม วิปัสสานา เป็นพระที่น่ากราบไหว้ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องลางของขลัง ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะมาเฝ้าถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชให้ครบทั้ง 3 วันเพราะเป็นโอกาสหนึ่งในชีวิตและไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเช่นนี้อีกเมื่อไร และผมก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้เหรียญตราสัญลักษณ์ “ออป.” และหนังสือที่ทางวัดแจกแค่ได้เฝ้าถวายสักการะก็ดีใจมากแล้ว”นายศิริวัฒน์ กล่าว
นางขวัญตา พงษ์รุ่งเรือง อายุ 53 ปี อาชีพค้าขาย ชาวจ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ตนเดินทางมากับเพื่อน เข้ากราบพระพรมศพในหลวงรัชกาลที่9 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ จากนั้นจึงมารอเฝ้าสักการะ สมเด็จพระสังฆราชต่อเพราะเกรงว่าหากเดินทางมาช่วงเช้า คนจะเต็มพื้นที่ไม่สามารถเข้าไป ทั้งนี้ส่วนตัวเป็นคนปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว จึงมีความเลื่อมใสศรัทธาวัตรปฏิบัติของพระองค์ ที่เรียบง่าย สมถะ จึงตั้งใจมาแสดงมุทิตาจิตถวายสักการะต่อพระองค์ท่าน เชื่อว่าด้วยพระบารมีจะทำให้ประเทศชาติร่มเย็นเป็นสุข
