“ตรีชฎา” เปิดไทม์ไลน์ ร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการสธ. เผย สมศักดิ์ ตั้งใจทำให้เสร็จภายในปีนี้

“ตรีชฎา” เปิดไทม์ไลน์ ร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการสธ. เผย สมศักดิ์ ตั้งใจทำให้เสร็จภายในปีนี้ หวังออกจาก ก.พ. เพื่อให้การบริหารงานคล่องตัวขึ้น

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระทรวงสาธารณสุข ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ที่มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.สาธารณสุข คือ การขับเคลื่อนให้มีการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการสาธารณสุข และบุคลากรสาธารณสุข สาระของร่างพ.ร.บ.ฯ คือ มุ่งสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล อัตรากำลัง และค่าใช้จ่ายภาครัฐ ลดข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นปัญหาคาราคาซังมาเป็นเวลานาน โครงสร้างการบริหารงานจะปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เพื่อสามารถบริการประชาชนรวดเร็วขึ้น กล่าวโดยสรุป เป็นการแยกตัวออกมาจากการสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ.

น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า การดำเนินการจัดทำ ร่างพ.ร.บ.ข้าราชการสธ.ฯ พ.ศ. … เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรนั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยคณะอนุกรรมการจัดทำร่างพ.ร.บ.ข้าราชการสธ.ฯ ได้เข้าประชุมร่วมกันโดยมี นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมทั้งหน่วยงานภายในและภายนอก กพ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยจะเปิดการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม 2567 จากนั้นวันที่ 10 สิงหาคม 2567จะสรุปความเห็นจากการรับฟังในแต่ละประเด็น จัดประชุมคณะอนุกรรมการและคณะกรรมการ ได้ร่างพ.ร.บ.ที่สมบูรณ์ จัดทำรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบ เปิดเผยสรุปผลการรับฟังความเห็นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ ภายในวันที่ 15 สิงหาคม สามารถนำเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ต่อจากนั้นในเดือนกันยายน คณะรัฐมนตรีจะเสนอร่างพ.ร.บ.ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ รัฐบาลถึงจะเสนอร่างพ.ร.บ.ให้สภาผู้แทนฯและวุฒิสภาพิจารณาตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ

“ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ให้ความสำคัญกับบุคลากรของกระทรวงสาธราณสุขมาก เพราะเป็นบุคลากรที่ทำงานกันอย่างทุ่มเทดูแลชีวิตประชาชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอบแทนการทำงานที่ทุ่มเทเพื่อพี่น้องประชาชนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานอย่างมั่นคง การปรับโครงสร้างใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งจะต้องตราเป็นกฎหมายเปรียบเสมือนการปฏิรูประบบการบริหารจัดการองค์กร การออกจาก ก.พ.จะทำให้การบริหารอัตรากำลังที่มีประมาณ 400,000 – 500,000 คน ที่กระจายอยู่ใน 12 เขตบริการ รวมถึงการจัดการงบประมาณ เกิดความคล่องตัวขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการให้บริการประชาชน โดย สธ. จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้ในขั้นตอนของรัฐสภาให้สำเร็จภายในปี 2568 นี้” น.ส.ตรีชฎา กล่าว

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image