ดึงมือปราบลุยรถหรู ดีเอสไอบี้ “จากัวร์-เบนซ์” โบราณ คนสนิทพระดังโต้นำเข้าถูกต้อง

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบรถโบราณ ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พนักงานสอบสวนสำนักคดีภาษีอากร จะเสนอรายชื่อคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เข้ามาตรวจสอบในคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นหน้าที่โดยตรงของสำนักคดีภาษี ทั้งนี้ จะตรวจอีกครั้งก่อนลงนามคำสั่งแต่งตั้ง ส่วนการออกหนังสือนัดสอบปากคำสมเด็จช่วง ยังไม่ได้ดำเนินการ ต้องรอการแต่งตั้งพนักงานสอบสวนอย่างเป็นทางการก่อน รวมถึงการทำหนังสือแจ้งไปยังสมเด็จช่วง ในเรื่องการครอบครองรถยนต์นำเข้าผิดกฎหมาย สำหรับการตรวจสอบรถยนต์อีกคันของเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งมีการร้องเรียน ขณะนี้กำลังดำเนินการตามปกติ ทำงานตามขั้นตอน ไม่ได้เจาะคดีใดคดีหนึ่ง แต่เข้าใจเป็นธรรมดา แต่ละฝ่ายก็มีมุมคิดแตกต่างกัน ซึ่งพยายามทำความเข้าใจว่าดีเอสไอไม่ได้ทำเรื่องนี้เรื่องเดียวหรือคดีนี้คดีเดียว

รายงานข่าวแจ้งว่า เวลา 13.00 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ เจ้าของ หจก.เอช.ที. วาย ออโต้พาร์ท ที่ดีเอสไอพบข้อมูลเอกสารว่า รับจ้างนางกาญจนา มากเหมือน เป็นเงิน 50,000 บาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ประกอบรถยนต์ จะมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์ว่าถูกปลอมเอกสารในการประกอบรถคันดังกล่าว ทั้งนี้ ในส่วนของนายชลัส (สงวนนามสกุล) พนักงานสอบสวนได้เข้าค้นบ้านพักย่านสายไหม พบภรรยา และได้ข้อมูลนายชลัสมีอาการป่วย ขณะนี้ย้ายไปอยู่ที่พระราม 2 ส่วนนายสมนึก (สงวนนามสกุล) ได้มาให้การแล้ว โดยรับสารภาพว่าได้รับเอกสารมาจากนายชลัส โดยนายสมนึกรับสารภาพว่าเป็นผู้ประสานงานเรื่องการจดทะเบียนและยื่นขอใบประกอบโรงงานประกอบรถยนต์เท่านั้น และยอมรับว่าเป็นผู้เขียนชื่อนางกาญจนาในเอกสารทั้งสองส่วน

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เสนอรายชื่อผู้บัญชาการสำนักคดี 5 ตำแหน่ง ไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง โดยมีรายชื่อดังนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายนิธิต ภูริคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เป็น ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พ.ต.ท.บัณฑูรย์ ฉิมกรา ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เป็น ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 พ.ท.พินิจ ตั้งสกุล ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เป็น ผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา และ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เป็นผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1ด้านนายชาญเชาวน์กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว อาจอยู่ระหว่างกระบวนการเสนอตามขั้นตอน คาดว่าน่าจะได้รับในสัปดาห์หน้า

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่อที่น่าสนใจ คือ พ.ต.ท.กรวัชร์ โดยก่อนหน้านี้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีรถหรูจดประกอบ และถูกย้ายออกจากตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจากมีการร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสม ครั้งนั้น พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามโยกย้าย และสั่งห้าม พ.ต.ท.กรวัชร์เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีการตรวจสอบรถเลี่ยงภาษี ที่รับผิดชอบอยู่ จนกระทั่งมีการร้องให้ดีเอสไอเร่งรัดตรวจสอบคดีครอบครองรถเบนซ์โบราณ ของสมเด็จช่วง เนื่องจากมีความล่าช้า จากนั้น พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบหมายให้ พ.ต.อ.ไพสิฐเร่งดำเนินการตรวจสอบคดีดังกล่าว จนท้ายสุดแล้ว ทีมของ พ.ต.ท.กรวัชร์เข้าไปดำเนินการต่อและเป็นที่มาของการแถลงว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถที่กระทำความผิด

ด้านคนใกล้ชิดพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ “หลวงพี่น้ำฝน” เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม เปิดเผยว่า มีกลุ่มบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มาสอบถามเรื่องรถหรู ซึ่งน่าจะหมายถึงรถจากัวร์ แฟนธอม สีดำ ที่จอดอยู่ในห้องกระจกข้างกุฏิ ในวัดไผ่ล้อม แต่ไม่มีการแสดงบัตร หรือเอกสารระบุชัดเจนว่าต้องการเข้าตรวจสอบอะไรบ้าง ทั้งที่รถคันนี้ได้รับบริจาคจากญาติโยมต่างประเทศ โดยนำเข้ามาอย่างถูกต้อง เสียภาษีศุลกากรถูกต้อง จดทะเบียนเรียบร้อย และรถคันนี้ดีเอสไอเคยนำไปตรวจสอบและคืนมาให้เรียบร้อย ผลตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด

ADVERTISMENT

“หลวงพี่บอกไม่ขอตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เรื่องรถยนต์จากัวร์มันจบไปแล้ว และหลวงพี่น้ำฝนยังไม่มีเวลาชน ต้องรีบสร้างวิหารหลวงพ่อพูล” คนใกล้ชิดกล่าว

นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำภาษีเจริญ กล่าวว่า ทางวัดปากน้ำฯรอรับหนังสือวันเข้าสอบปากคำสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กรณีรถยนต์โบรารณ ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 ที่อยู่ในครอบครองของท่านผิดกฎหมาย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือใดๆ คงต้องรออีก 3-4 วัน ทั้งนี้ ทางวัดยังไม่ได้สั่งการใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแแห่งประเทศไทย (ศพศ) กล่าวว่า จากกรณีที่มีผู้แสดงความเห็นว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีสมเด็จพระสังฆราช ทั้งนี้ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ในไทย มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะได้รับการยอมรับจากประมุขสงฆ์ทั่วโลก ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก สังฆราชของประเทศไทยก็เปรียบเสมือนสังฆราช ของประมุขสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลกนั่นเอง หากรัฐบาลปล่อยให้ยืดเยื้อแบบนี้ จะส่งผลกระทบมาก โดยเฉพาะประมุขสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลก จะเกิดข้อสงสัยในศรัทธา ส่วนการปล่อยให้เรื่องนี้ยาวออกไป หล่อเลี้ยงกระแสแห่งความขัดแย้งออกไป มีแต่จะทำให้สังคมสงฆ์อ่อนแอไปเรื่อยๆ และนำพาความขัดแย้งมาสู่สังคมไทย จึงอยากให้รัฐดำเนินการตามกฎหมายและจารีตประเพณี ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามบานปลายใหญ่โตกว่านี้ ส่วนกรณีที่มีผู้ปล่อยข่าวว่าจะมีการชุมนุมของพระสงฆ์ในวันนี้ คาดว่าผู้ปล่อยข่าวเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ปล่อยข่าวว่าอาตมาโดนอุ้มและโจมตีคณะสงฆ์เรื่องพระล็อกคอทหาร ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใครและมีวัตถุประสงค์อะไร จึงอยากให้รัฐบาลช่วยตรวจสอบกลุ่มคนดังกล่าวด้วย

นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)กล่าวว่า บรรยากาศที่พุทธมณฑล มีพุทธศาสนิกชนมาทำบุญตามปกติ โดยในช่วงเช้าพระสงฆ์ที่มาปฏิบัติธรรม 1,250 รูป ได้มารับบาตรจากพุทธศาสนิกชน และช่วงสายก็มีกิจกรรมทางศาสนาหลายกิจกรรม ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันไม่มีพระสงฆ์แฝงมาชุมนุมตามที่มีกระแสข่าว ส่วนในกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามหาเถรสมาคม (มส.) ตั้งผู้แทน 3 รูป ได้แก่ พระพรหมโมลี วัดปากน้ำฯ พระพรหมบัณฑิต วัดประยุรวงศาวาส และพระพรหมมุนี วัดราชบพิธฯ ให้หารือเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชกับ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล พศ.นั้น มส.ได้แต่งตั้งกรรมการ มส.3 รูป เป็นผู้แทนมานานแล้ว เพื่อให้ดูแลและประสานงานทุกเรื่องที่สำคัญเกี่ยวกับคณะสงฆ์ แต่ขณะนี้ความคืบหน้าการเสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเรื่องยังอยู่ที่นายสุวพันธุ์

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความขัดแย้งของคณะสงฆ์ ที่มีกระแสข่าวชุมนุมในวันมาฆบูชา ที่ท้องสนามหลวง ว่า ทราบเรื่องนี้จากข่าว คิดว่าพระสงฆ์นั้นมีวินัย เชื่อว่าทุกคนรวมตัวทำบุญด้วยใจบริสุทธิ์ในวันนี้ โดยในพื้นที่สนามหลวงนั้นทุกคนมีสิทธิที่จะไปร่วมกิจกรรมในสิ่งที่ดี ส่วนจะมาด้วยเหตุผลอื่นนั้นถือว่าไม่น่าจะทำ

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงปัญหาการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ว่า หากผู้มีอำนาจต้องการรู้ความจริงแล้ว ควรสอบถามจากวัดกว่า 30,000 วัด ทั่วประเทศว่า ต้องการอย่างไร รวมทั้งกรณีที่ดีเอสไอ จะยึดรถหรูในพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำ ก็ควรดำเนินการ ซึ่งวัดปากน้ำก็พร้อมให้ไปเอา และหากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีความผิดต้องจับดำเนินคดี อย่าประโคมข่าวเพื่อทำลายความรู้สึก หากภายหลังมารู้ว่า บริสุทธิ์ โดยคนรับบริจาคสุดท้ายไม่รู้เรื่องราวข้อเท็จจริงตั้งแต่ต้นแล้ว คงไม่มีความผิดอะไร จะเป็นบาปทางใจกันเปล่าๆ กรณีของพระพิมลธรรม หรือเหตุการณ์ที่เกิดกับพระพรหมสุธี หรือเจ้าคุณเสนาะ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นบทเรียนให้ศึกษาถึงปัญหาการใส่ร้ายกัน แล้วลงท้ายว่า บริสุทธิ์ แต่ก็สายเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว