สภาทนาย จ่อฟ้องแพ่ง คดีสิ่งแวดล้อม ให้ชาวบ้าน 16 จว. เดือดร้อนจากปลาหมอคางดำ

สภาทนายความ เตรียมฟ้องแพ่งคดีสิ่งแวดล้อม ให้ชาวบ้าน 16 จังหวัด ได้รับผลกระทบจาก “ปลาหมอคางดำ” ฟ้องศาลปกครองให้หน่วยงานรัฐแก้ปัญหาฟื้นฟูทรัพยากร

วันที่ 31 กรกฎาคม ที่ห้องประชุมชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ ว่าที่ร้อยตรี สมชาย อามีน ประธานอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมฝ่ายคดีและปฏิบัติการ และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว เรื่องของเตรียมยื่นฟ้องหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กรณีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ

ดร.วิเชียร นายกสภาทนายความ เปิดเผยว่า ตามที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านในตำบลยี่สาร ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ว่าได้รับความเสียหายจากการระบาดของปลาหมอคางดำที่พบในแหล่งน้ำธรรมชาติ และในพื้นที่บ่อเลี้ยงกุ้งและบ่อเลี้ยงปลาของชาวบ้าน  และสภาทนายความได้ตั้งประธานสภาทนายความจังหวัดรวม 16 จังหวัด เป็นผู้แทนของสภาทนายความ เพื่อร่วมประชุมกับส่วนราชการ กำหนดวิธีแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน

ต่อมา มีชาวบ้านในจังหวัดอื่นๆ ได้ยื่นขอความช่วยเหลือทางกฎหมายเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม จากการสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานสภาทนายความ พบว่าปลาหมอคางดำซึ่งเป็นสัตว์น้ำต่างถิ่นที่ได้รับอนุญาตจากการประมงให้นำเข้าเพื่อการทดลองศึกษาวิจัยและพัฒนาพันธุ์สัตว์น้ำ

Advertisement

โดยมีผู้ประกอบการแห่งหนึ่งเป็นผู้ขออนุญาตนำเข้าและมีการนำเข้ามาศึกษาทดลองเลี้ยงในปี พ.ศ.2553 ที่ศูนย์วิจัยเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของบริษัทผู้ประกอบการแห่งหนึ่งย่านจังหวัดสมุทรสงคราม และพบการระบาดของปลาหมอคางดำในปี พ.ศ.2560 เป็นต้นมา โดยเริ่มระบาดครั้งแรกที่ ต.ยี่สาร ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม และจากการศึกษาพบว่าสายพันธุ์การระบาดของปลาหมอคางดำมาจากจุดร่วมสายพันธุ์เดียวกัน

Advertisement

ว่าที่ร้อยตรี สมชาย อามีน กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมสภาทนายความและคณะกรรมการสำนักงานคดีปกครอง จึงกำหนดแนวทางให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายในสองแนวทาง คือ การดำเนินคดีแพ่งกับผู้ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในประเทศไทย โดยดำเนินคดีแบบกลุ่ม เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ของชาวประมง และเรียกค่าเสียหายจากการที่ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย ตามหลัก “ผู้ก่อให้เกิดมลพิษเป็นผู้จ่าย”

การดำเนินคดีปกครองกับหน่วยงานอนุญาตที่ละเลย ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเป็นการทำละเมิดทางปกครองและให้หน่วยงานอนุญาตขจัดการแพร่ระบาดและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่สูญเสียไป โดยให้เรียกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจากผู้ก่อให้เกิดการระบาดของปลาหมอคางดำ รวมทั้งค่าเสียหายจากการที่ต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ

ขณะที่ นายวิเชียร นายกสภาทนายความ กล่าวย้ำว่า เราจะยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย บางคดีศาลแพ่งอาจจะสั่งชดใช้ค่าเสียหายเยอะ บางคดีก็ให้ชดใช้ค่าเสียหายไม่มากนัก อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล แต่เราสามารถใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ได้

ส่วนการยื่นฟ้องศาลปกครองนั้น จะมุ่งฟ้องหน่วยงานรัฐก่อน คาดว่าจะยื่นฟ้องไม่เกินวันที่ 16 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้กรณีที่ชาวบ้านผู้เสียหายเกรงว่าการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจะล่าช้า ต้องการให้พูดคุยกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อออกประกาศให้ปัญหา “ปลาหมอคางดำ” เป็นภัยพิบัติแห่งชาติและเบิกงบประมาณมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ก่อนนั้น ตนรับปากว่าจะเป็นคนกลางไปเจรจาหารือกับทางกระทรวงมหาดไทยให้ชาวบ้านด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image