‘ทวี’ ลงพท.ภูเก็ต สั่งราชทัณฑ์เร่งขุดลอกคลองบางใหญ่ป้องท่วม พร้อมจับมือกยศ.ช่วยไกล่เกลี่ยหนี้ ผู้ต้องขัง 14 ส.ค.นี้
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต เขต 2 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายณรงค์ หนูคง ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์, นายอาคม ภูศรี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต และหน่วยราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม องค์กรปกครองท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย และประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 14.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ออกมาทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์จิตอาสาขุดลอกคลองบางใหญ่ ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต สำหรับการขุดลอกคลองบางใหญ่ในครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อป้องกันอุทกภัยในช่วงฤดูฝน การขุดลอกจะทำให้ลำคลองไม่ตื้นเขินไม่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำเมื่อเกิดสภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจะทำให้ลำคลองสามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้เร็วและง่ายขึ้น
ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวให้กำลังใจแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคน โดยขอให้เป็นคนดี เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่สังคมเมื่อพ้นโทษ และขอให้ภูมิใจที่ได้ออกมาทำกิจกรรมสาธารณกุศลเพื่อสังคมในครั้งนี้
จากนั้นเวลา 15.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังเรือนจำจังหวัดภูเก็ต อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ได้เยี่ยมให้กำลังใจคณะแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ ที่เดินทางมาสนับสนุนการทำทันตกรรมให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ตามโครงการทันตกรรมปันสุขในราชทัณฑ์ จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 4 – 6 สิงหาคม 2567 มีแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้สละเวลามาสนับสนุนทำฟัน ผ่าตัดฟันคุด ถอนฟัน อุดฟัน ให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้มอบเงินอุดหนุนให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต จำนวน 110,000 บาท เพื่อสนับสนุนโครงการทันตกรรมปันสุขในราชทัณฑ์ จังหวัดภูเก็ต ในวันนี้มีผู้ต้องราชทัณฑ์เข้ารับบริการด้านทันตกรรมจำนวน 590 ราย ซึ่ง พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวขอบคุณคณะแพทย์ที่มาให้การรักษาผู้ต้องราชทัณฑ์ในเรือนจำจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ด้วย
จากนั้น พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะได้เดินทางไปพบปะผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่แดน 3 และแดน 4 โดยได้กล่าวให้กำลังใจอยากให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ เตรียมความพร้อมเป็นคนดีกลับสู่สังคมโดยอยากให้มีการส่งเสริมด้านการศึกษาให้อ่านออกคิดเลขได้เมื่อพ้นโทษออกจากเรือนจำไปแล้วจะได้มีความรู้และทักษะอาชีพเพื่อออกไปประกอบอาชีพต่อไป
โอกาสนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายธรรมวรรธ วงศ์เจริญยศ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต และคณะได้ร่วมมอบอุปกรณ์กีฬามวยไทยให้กับเรือนจำจังหวัดภูเก็ตเพื่อสนับสนุนให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการฝึกทักษะด้านกีฬามวยไทยซึ่งเป็นกีฬาที่รัฐบาลส่งเสริมให้เป็น soft power ของประเทศไทยด้วย
จากนั้น พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางไปพบปะกับกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีหนี้ค้างชำระ กยศ. ที่ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากเมื่อมาต้องโทษทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ กยศ. ได้ จึงส่งผลกระทบกับผู้ค้ำประกันที่เป็นผู้ปกครองบิดามารดาในการแก้ปัญหาดังกล่าวกระทรวงยุติธรรม ได้ประสานกับกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่จะเข้ามาช่วยเหลือไกล่เกลี่ยหนี้โดยในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 จะมีการจัดทีมนักกฎหมายและจากกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเข้ามาทำสัญญาไกล่เกลี่ยหนี้ให้กับผู้ต้องขังซึ่งมีจำนวน 43 รายมียอดหนี้รวมกว่า 3 ล้านบาท
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ได้เยี่ยมห้องสมุดพร้อมปัญญาของเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีห้องที่สะดวกสบาย มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ และหนังสือที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ศึกษาหาความรู้ และมีเป็นกิจกรรมสันทนาการขณะอยู่ภายในเรือนจำได้เป็นอย่างดี พร้อมพบปะกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ซึ่งทำการฝึกซ้อมการสวนสนามที่จะเป็นตัวแทนของเรือนจำจังหวัดภูเก็ตเข้าสู่การแข่งขันการสวนสนามต่อไป
พร้อมกันนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของที่ทำการปกครองอำเภอถลาง ซึ่งเข้ามาจัดกิจกรรมให้บริการทำบัตรประชาชนแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ใกล้จะพ้นโทษ โดยขณะนี้มีผู้ต้องราชทัณฑ์ได้รับบริการทำบัตรประชาชนแล้วจำนวน 50 ราย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ในเวลา 17.30 น.
