ซัดกันนัว “พญาเสือ”ปะทะ “ลายทองเหรียญ”บุกกรมอุทยานฯร่วมฟังผลตรวจดีเอ็นเอช้าง กรมอุทยานฯ ยันผลเลือดพลายทีจีและพลายเกาะพญาเพ็ชรรหัสพันธุกรรมไม่ตรงกัน พร้อมซัดวังช้างอยุธยาฯ ปากบอกรักช้าง แต่ส่งช้าง 5 เชือกไปโชว์เยอรมันแล้วไม่เอากลับ แถมให้ฝรั่งต่างชาติมีชื่อครอบครองช้างไทยได้ ด้านเจ้าของวังช้างอยุธยาฯ โต้กลับไม่เชื่อผลดีเอ็นเอเชื่อรายชื่อซ้ำซ้อน ขู่หากอุทยานฯ ฟ้องร้องคดีจะนำช้าง 100 เชือกปิดทำเนียบ จี้ “บิ๊กตู่” ปลดรวด “รมว.ทรัพยากรฯ –อธิบดีอุทยานฯ-ชุดพญาเสือ” เหตุทำชาวช้างเดือดร้อน
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าทีมเฉพาะกิจพญาเสือ กรมอุทยานฯ แถลงข่าว ผลการตรวจดีเอ็นเอและการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของช้างพังทีจีและช้างพลายเกาะพยาเพ็ชร ภายหลังได้อายัดช้างทั้ง 2 เชือกได้ที่หัวหินทีค ม.3 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยการแถลงข่าวครั้งนี้ได้มีนายลายทองเหรียญ มีพันธ์” เจ้าของวังช้างอยุธยาแลเพนียด เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย โดยนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า กรณีการตรวจดีเอ็นเอ และการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ช้างพังทีจี และช้างพลายเกาะพยาเพ็ชร เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2559 โดยได้มีการตรวจสอบตั๋วรูปพรรณช้างฉบับจริงทั้ง 2 ฉบับ พบว่าได้มีการย้ายจาก อ.พระนครศรีอยุธยา ไปขึ้นทะเบียนที่ใหม่ที่ อ.ไทรโยค เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 โดยไม่ระบุที่อยู่สัตว์พาหนะที่ย้ายไป และมีรายการแก้ไขตำหนิตั๋วรูปพรรณ โดยไม่มีการบันทึกรายการแก้ไขในช่องรายการบันทึกของตั๋วรูปพรรณ ซึ่งเป็นการดำเนินการในขณะที่ช้างถูกอายัดไว้ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายช้างกลับไปเลี้ยงที่วังช้างอยุธยาฯ และเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือได้ขอเข้าตรวจสอบตามขั้นตอนเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์เปรียบเทียบรหัสดีเอ็นเอของช้างพลายทีจี ปรากฏว่า ผลดีเอ็นเอของพลายทีจี ที่ตรวจที่หัวหินทีคและที่วังช้างอยุธยาฯ ตรงกันแสดงว่าเป็นช้างตัวเดียวกัน ขณะที่ผลดีเอ็นของพลายทีจีกับพังน้ำหวาน ที่ตรวจเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 ที่วังช้างอยุธยาฯ พบว่ามีความสัมพันธ์แม่ลูกกัน แต่ผลดีเอ็นเอพลายทีจีกับพังน้ำหวาน ที่ตรวจโดยสถาบันคชบาลร่วมกับ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เมื่อปี 2557 พบว่าไม่มีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน แสดงว่ามีพังน้ำหวาน 2 ตัวหรือไม่ และพบว่าดีเอ็นเอพลายทีจีกับดีเอ็นของพลายงาทอง ไม่มีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกันในทุกกรณี ในส่วนการวิเคราะห์เปรียบเทียบดีเอ็นเอของพลายเกาะพยาเพ็ชร ปรากฏว่าดีเอ็นเอพลายเกาะพยาเพ็ชรที่ตรวจที่หัวหินทีคและวังช้างอยุธยาฯ ตรงกัน แสดงว่าเป็นช้างตัวเดียวกัน แต่ผลตรวจดังกล่าวไม่ตรงกับผลตรวจของสถาบันคชบาลฯ เมื่อปี 2557 เช่นกัน ทั้งนี้พบว่าดีเอ็นเอพลายเกาะพยาเพ็ชรกับดีเอ็นเอพลายปุ๊กกี้ ที่ตรวจเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 มีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน แต่ผลเปรียบเทียบดีเอ็นเอพลายเกาะพยาเพ็ชรกับพลายวัง พบว่าไม่มีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกันในทุกกรณี
“ชุดพญาเสือได้ร่วมหารือกับกรมการปกครองเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เห็นว่าข้อมูลดีเอ็นเอดังกล่าวขัดแย้งกัน จึงให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยตรวจสอบเอกสาร พยานบุคคล ที่เกี่ยวกับการตรวจรหัสพันธุกรรมฯ ข้อมูลของ อ.อ.ป. ตรวจสอบที่มาของตั๋วรูปพรรณช้างพังน้ำหวาน แม่ของพลายทีจี และที่มาของตั๋วรูปพรรณช้างพังปุ๊กกี้ แม่ของพลายเกาะพยาเพ็ชร เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย โดยจะต้องอายัดหรือดำเนินคดีกับช้างทั้ง 3 ตัว คือพลายทีจี พังน้ำหวาน และพลายเกาะพยาเพ็ชร เพื่อให้มีการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งผู้ใด ทั้งนี้หากรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วนแล้วชุดพญาเสือจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”นายชัยวัฒน์กล่าว
นอกจากนี้นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ชุดพญาเสือยังตรวจสอบพบว่ามีการออกสมุดเล่มทะเบียนของพังไอยเรศ ของวังช้างวังช้างอยุธยาฯ มีความซ้ำซ้อนด้วย ส.พ.5 ฉบับเดียวกัน โดยที่นายเรียงทองบาท มีพันธุ์ เป็นผู้ยื่นคำขอ และที่อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีนางสุดาพร เสนาวงษ์ศา มอบอำนาจให้ควาญช้างไปดำเนินการยื่นคำขออีกด้วย จึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมาเมื่อปี 2549 นายลายทองเหรียญ ได้ขออนุญาตนำช้างออกนอกราชอาณาจักรเพื่อแสดงนิทัศกรรมหรือการส่งเสริมเผยแพร่ประเทศไทย โดยมีการส่งออกช้างบ้านจำนวน 6 เชือก ไปแสดงที่สวนสัตว์โคโลญจ์ ประเทศเยอรมนี แต่ส่งออกได้เพียง 5 เชือกเท่านั้น เนื่องจากช้างอีก 1 เชือกมีปัญหา และช้างไปตกลูกที่สวนสัตว์เมืองโคโลญจ์เพิ่มอีก 1 เชือก โดยการส่งออกดังกล่าวตามระเบียบของกรมอุทยานฯ ให้มีหนังสือค้ำประกันวงเงิน 6 ล้านบาท มีสัญญาเป็นเวลา 1 ปี และสามารถต่อสัญญาได้ แต่เมื่อครบกำหนดปรากฎว่าไม่ได้มีการนำช้างกลับมาประเทศไทยแต่อย่างใด เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ จึงมีหนังสือริบเงินประกันตามหนังสือค้ำประกันรวม 6 ล้าน แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถริบเงินดังกล่าวได้ เนื่องจากนายลายทองเหรียญไม่ยินยอม อีกทั้งยังมีการให้ชาวต่างชาติมี่ชื่อเป็นเจ้าของช้างบนตั๋วรูปพรรณช้างได้ ซึ่งชุดพญาเสือเพิ่งตรวจพบข้อมูล ตนจึงขอตั้งคำถามว่าที่นายลายทองเหรียญเคยกล่าวอยู่เสมอว่าเป็นคนรักช้าง เหตุใดจึงไม่นำช้างกลับมาเมืองไทย และให้คนต่างชาติมีชื่อครอบครองช้างไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายลายทองเหรียญได้โต้เถียงด้วยถ้อยคำรุนแรง กับนายชัยวัฒน์อย่างรุนแรงเป็นระยะๆ โดยนายทองเหรียญ ได้กล่าวว่า นายชัยวัฒน์อย่าสร้างภาพ ให้เล่าไปตามข้อเท็จจริง ที่แถลงข่าวมามีแต่น้ำไม่มีเนื้อ กลัวผู้สื่อข่าวจะสับสนและไปเขียนข่าวผิดๆได้ นายชัยวัฒน์เป็นเด็กดื้อ มองตานายชัยวัฒน์ก็เหมือนมองช้างตกมันตัวหนึ่ง ตนกำลังคิดว่าจะสวนด้วยหอกดีหรือไม่ ตนไม่กลัวนายชัยวัฒน์ แต่ถามว่านายชัยวัฒน์พร้อมรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองหรือไม่ ตนขอยืนยันว่าไม่เคยมีการนำช้างป่ามาสวมสิทธิ์เป็นช้างบ้าน และการดำเนินการของชุดพญาเสือทำให้ชาวช้างเดือดร้อนทำมาหากินไม่ได้ ซึ่งในส่วนของพลายทีจีตนไม่เชื่อผลการตรวจเมื่อปี 2557 ของสถาบันคชบาลฯ ที่อาจมีการสลับชื่อช้างกัน และเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจขณะนั้นก็มีอาการมึนเมา ส่วนกรณีการส่งช้างไปเยอรมนีเป็นเรื่องเก่าเมื่อเกือบ 10 ปีทีแล้ว ตนยืนยันว่าเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและทำเพื่อชาติบ้านเมือง และช้างไปอยู่ในคอกราคา 800 ล้านบาท ไม่ใช่ดินเลนแบบที่ช้างตนอยู่ ซึ่งผู้ใหญ่ในกรมอุทยานฯ สมัยนั้นรู้ดี ส่วนกรณีชาวต่างชาติมีชื่อเป็นเจ้าของช้าง สามารถทำได้ตามกฎหมาย ซึ่งเขาขอเป็นผู้อุปถัมป์ช้างส่งเงินมาดูแลช้างจำนวนมาก แต่ช้างก็ยังอยู่ที่ตนไม่ได้ไปไหน ขณะที่นายชัยวัฒน์ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมาย และพร้อมรับผิดชอบการกระทำทุกอย่าง
นายลายทองเหรียญ ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ว่า หากมีการยื่นฟ้องร้องคดี ตนจะนำช้าง 100 เชือกมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อร้องเรียนกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ เร็วๆ นี้ตนจะยื่นหนังสือร้องเรียนต่อพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ ให้สั่งย้ายนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ และนายชัยวัฒน์ เพราะให้คนทำงานไม่เก่งมาทำงานในด้านนี้ เนื่องจากผลตรวจที่ไม่ชัดเจน อาจมีการรายงานที่ผิดพลาดสลับรายชื่อกันเพราะเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจในขณะนั้นมีอาการมึนเมาอีกทั้งกรมอุทยานฯ ไม่จำเป็นต้องมาอายัดช้าง เอาไปก็ดูแลช้างไม่ดี และที่ผ่านมาก็มีการคืนช้างมาแล้ว 60 กว่าเชือก หาก พล.อ.สุรศักดิ์ ไม่แก้ปัญหาก็จะร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ให้ปรับออกจาก ครม.ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่มาแล้ว และพร้อมรบกับกรมอุทยานฯ
ขณะที่นาง กณิดา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ กรมอุทยานฯ กล่าวว่า สำหรับผลการตรวจดีเอ็นเอของพลายทีจีและพลายเกาะพยาเพ็ชร ยืนยันว่าทั้งผลตรวจของทางอุทยานแห่งชาติ ในปี 2559 และผลตรวจของสถาบันคชบาล เมื่อปี 2557 นั้น เป็นไปตามหลักทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน อีกทั้งผู้ที่เข้ามาตรวจดีเอ็นเอนั้นก็เป็นผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญ รวมทั้งเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ก็เชื่อถือได้ ดังนั้นผลการตรวจดีเอ็นเอทั้งสองแห่งจึงไม่น่าเกิดข้อผิดพลาดแต่อย่างใด
