เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย พร้อมทีมทนายความเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จารึก ทองสีขาว รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สมเด็จเจ้าพระยา หลังเคยเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เซปิง ไชยศาส์น ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยการเดินทางมาครั้งนี้เนื่องจากเจ้าของคดีสามารถหาประวัติตามทะเบียนราษฎรของ น.ส.เซปิงได้แล้วจึงต้องการให้ผู้เสียหายมาชี้ภาพถ่ายยืนยันตัวบุคคล
หลังใช้เวลาพูดคุยกับพนักงานสอบสวนนาน 30 นาที นพ.ชลทิศ พร้อมทีมทนายความ เปิดเผยว่า ตำรวจติดต่อให้เดินทางมาชี้ตัวยืนยันบุคคลของ น.ส.เซปิง ขณะนี้มีปรากฏในทะเบียนราษฎรแล้ว ชื่อ น.ส.เซปิง ไชยศาส์น อายุ 38 ปี ซึ่งไม่ตรงกับนามสกุล ไชยสาส์น ที่เจ้าตัวเคยใช้ออกสื่อโซเชียลแต่อย่างใด จากการดูใบหน้าตามทะเบียนราษฎร ยืนยันว่าใช่บุคคลเดียวกัน นอกจากนั้นยังทราบอีกว่า น.ส.เซปิงเคยเปลี่ยนชื่อนามสกุลมาแล้วถึง 5 ครั้ง จึงชี้ยืนยันให้ฝ่ายสอบสวนทราบ สำหรับขั้นตอนต่อไปจะมีการออกหมายเรียกหรือออกหมายจับนั้นอยู่ที่ดุลพินิจของตำรวจ ซึ่งไม่สามารถไปก้าวล่วงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรในกรณีที่ น.ส.เซปิงแถลงเรื่องที่ทำโครงการเฟซออฟ (Face Off) นั้นทำไปเพื่อประเทศชาติ นพ.ชลทิศกล่าวว่า ความจริงก็คือความจริง เรื่องนี้ถึงหน่วยงานราชการไปหมดแล้ว ทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แพทยสภา และหน่วยงานอื่นๆ ขอยืนยันว่าการทำศัลยกรรมไม่มีศัพท์ว่า Face Off ซึ่งฟังแล้วดูเกินจริง ที่สำคัญการเปิดแถลงข่าวของ น.ส.เซปิงในวันนี้นั้นกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบทั้งเอกสารและถ้อยคำที่เจ้าตัวแถลงออกมาทั้งหมด หากมีพาดพิงถึงในทางที่ขัดต่อกฎหมายก็จำเป็นต้องใช้สิทธิทางกฎหมายฟ้องร้องกลับไปเช่นกัน
ถามว่าก่อนหน้านี้เคยรู้จักกับ น.ส.เซปิงมาก่อนหรือไม่ นพ.ชลทิศกล่าวว่า ยอมรับเคยทำธุรกิจร่วมกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เป็นการพูดคุยกันในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อเห็นว่าไม่สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันได้จึงบอกปฏิเสธไป จากนั้นก็มีผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูลว่า น.ส.เซปิงไปอ้างเป็นหลานตน เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือต่อการทำธุรกิจของ น.ส.เซปิงเอง เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ นอกจากนั้นยังออกมาแถลงข่าวถึงโครงการเฟซออฟใช้ศัพท์ผิดจรรยาบรรณทั้งที่ น.ส.เซปิงก็ไม่ใช่แพทย์ การออกมาให้ข่าวและแจ้งความในครั้งนี้ถือว่าดำเนินการในฐานะเป็นผู้เสียหายจากการแอบอ้างเอง และทำเพื่อปกป้องวิชาชีพในฐานะนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยด้วย