เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าว นพ.กฤษดา วงษ์ดีเลิศ อดีตแพทย์โรงพยาบาล (รพ.) กบินทร์บุรี เสียชีวิตเพราะติดเชื้อจากการรักษาคนไข้ ส่งผลให้สมาชิกในครอบครัวมีชีวิตเป็นอยู่ที่ลำบาก ว่า บุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับผลกระทบจากการให้บริการทางการแพทย์จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบ คือ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ เนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ พ.ศ.2540 โดยผู้ติดเชื้อโรคเอดส์มีสิทธิได้รับการสงเคราะห์ กรณีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อได้เงินชดเชยไม่เกิน 1.5 ล้านบาท คู่สมรสติดเชื้อจากบุคคลดังกล่าวได้ไม่เกิน 5 แสนบาท บุตรติดเชื้อต่อได้รับไม่เกินคนละ 3 แสนบาท กรณีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ ทายาทได้รับไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนกรณีการติดโรคอื่นจากการปฏิบัติหน้าที่ยังไม่มีระเบียบรองรับ
นพ.โสภณกล่าวอีกว่า เดิมการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์จะได้รับการเยียวยาและชดเชยตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 แต่เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตีความว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไม่สามารถนำงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาจ่ายชดเชยให้กับบุคลากรทางการแพทย์กรณีได้รับผลกระทบจากการให้บริการได้ ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างพิจารณาออกระเบียบใหม่สำหรับใช้ในการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับผลกระทบ โดยจะปรับตามเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือของ สปสช.โดยออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้บังคับกับทุกกระทรวงที่มีบุคลากรทางการแพทย์ด้วย ซึ่งในส่วนของ สธ.ปีงบประมาณ 2560 ตั้งงบประมาณ 6 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบกับ สปสช.ซึ่งรับผิดชอบในการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้ให้บริการทางการแพทย์ได้รับผลกระทบจากการให้บริการ พบว่า ในรอบ 12 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2547-2558 (ถึงเดือนพฤษภาคม) มีผู้ให้บริการทางการแพทย์ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 4,329 ราย แยกเป็น เสียชีวิต 23 ราย พิการ 16 ราย บาดเจ็บ 4,290 ราย รวมเป็นเงินกว่า 47 ล้านบาท เฉพาะในปีงบประมาณ 2557 มีผู้เข้าเกณฑ์ได้รับการเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 420 ราย สูงสุด 5 อันดับแรก คือ ติดเชื้อวัณโรค 171 ราย ผู้ป่วยกระทำ 114 ราย เข็มตำโดยที่ผู้ป่วยติดเชื้อ 26 ราย และผู้ป่วยไม่ติดเชื้อ 30 ราย อุบัติเหตุรถส่งต่อ 42 ราย และสัมผัสสารคัดหลั่ง 23 ราย ในจำนวนนี้ เป็น พยาบาลวิชาชีพ 206 ราย ผู้ช่วยเหลือคนไข้ 102 ราย นายแพทย์ 28 ราย และอื่นๆ เช่น เภสัชกร ลูกจ้าง เจ้าพนักงานรังสีการแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉิน ฯลฯ 84 ราย