กรมสวัสดิการฯแรงงาน จ่อชดเชยพนักงาน ’ตั้งฮั่วเส็ง’ จ่าย 60 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ-ประเมินธุรกิจเสี่ยง
กรณี “ตั้งฮั่วเส็ง” ห้างเก่าแก่ย่านธนบุรี กรุงเทพมหานคร ได้ประกาศแจ้งปิดทำการในวันที่ 10 กันยายน 2567 เนื่องจากห้างสรรพสินค้าได้รับหนังสือจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ยุติการจ่ายไฟฟ้า จึงต้องเลิกจ้างงานกะทันหัน ส่งผลกระทบให้ลูกจ้างจำนวนมากออกมาเรียกร้องสิทธิเงินชดเชยและสวัสดิการอื่นๆ นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 กันยายน นายพงศ์เทพ เพชรโสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ห้างตั้งฮั่วเส็งมีปัญหามานานพอสมควร ตั้งแต่ยุคการระบาดของโรคโควิด-19 การจับจ่ายซื้อของในห้างก็ลดลงตามลำดับ เพราะฉะนั้น เรื่องของผลกระทบต่อลูกจ้างที่มีการค้างจ่ายค่าจ้าง ก็มีการพูดคุยกันมาตลอด จนเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ที่มีการประกาศเลิกจ้างพนักงานห้าง ซึ่งกระทบผู้ใช้แรงงานจำนวน 104 คน และขณะนี้ธุรกิจของนายจ้างอยู่ในขั้นตอนคดีล้มละลาย
“จากนี้ ทาง กสร.ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนเยียวยาเบื้องต้น แต่ต้องดูในชั้นของการบังคับคดีว่า สามารถดำเนินการได้แค่ไหน เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้น มีส่วนหนึ่งอยู่ในกระบวนการดำเนินการของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ล้มละลาย ที่ต้องไปขอชำระหนี้ก่อน ซึ่งในส่วนของลูกจ้างนั้น เมื่อวานนี้ (9 กันยายน 2567) ก็ได้พูดคุยกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ทั้งสองฝ่ายหารือและหาทางออกร่วมกัน” นายพงศ์เทพกล่าว และว่า ในส่วนของนายจ้างที่ยกเลิกการจ้างงานนั้น ต้องไปแจ้งลาออกกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิการว่างงานกับทางกรมการจัดหางาน (กกจ.) ด้วย เพื่อให้ลูกจ้างได้ขึ้นทะเบียนไว้และยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานกับประกันสังคมต่อไป
นายพงศ์เทพกล่าวอีกว่า กสร.ยืนยันที่จะเข้าช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นค่าชดเชยในกรณีที่ถูกเลิกจ้าง หรือเงินที่ยังไม่ได้รับบางส่วน ก็จะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดอาจจะต้องยื่นคำร้องและรีบออกคำสั่งเพื่อที่ขอรับชำระหนี้จากกรมบังคับคดี ส่วนกรณีเงินเยียวยา กสร.จะจ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้
“กรณีที่นายจ้างไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้ ตรงนี้การดำเนินการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เงินเยียวยาค่าชดเชย เป็นส่วนหนึ่งที่ทาง กสร.ต้องรอทางหน่วยงานประสานให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่ 6 นัดคำร้องจากลูกจ้าง และออกคำสั่งเพื่อจะเยียวยา อีกส่วนหนึ่งคือ เงินอื่นๆ ซึ่งจะต้องมีการประชุมคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเพื่อพิจารณา” นายพงศ์เทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงตัวเลขเงินค่าชดเชย นายพงศ์เทพกล่าวว่า ต้องไปดูฐานค่าจ้างของลูกจ้างแต่ละคนว่า ได้รับเงินต่อเดือนเท่าไร แต่สิทธิประโยชน์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างที่จะให้ คือ เงินชดเชย 60 เท่าของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนกรณีเงินอื่นๆ ต้องไปดูอายุงานของแต่ละคนอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ กสร.ก็ได้เข้าไปรับคำร้องของลูกจ้างเรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า หากเกิดเหตุการณ์กรณีแบบนี้ขึ้นอีก เนื่องจากเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ นายพงศ์เทพกล่าวว่า กสร.มีการประเมินตลอดว่าลักษณะสถานประกอบการ, ประเภทอุตสาหกรรม หรือธุรกิจแบบไหนที่อยู่ในความเสี่ยงที่อาจจะต้องปิดกิจการชั่วคราว หรือมีการเลิกจ้าง ลดจำนวนพนักงานลง ก็พยายามจะให้พนักงานของ กสร.เข้าไปดูแล และพูดคุยระหว่างนายจ้างและลูกจ้างในเชิงของการสร้างความสัมพันธ์ หากมีการเลิกจ้างหรือปิดกิจการ ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งตรงนี้เป็นแผนตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา อีกทั้งยังมีการจับตามองธุรกิจหลายประเภทที่จะมีการเปลี่ยนแปลง หรือนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยได้มีการกำชับให้พนักงานของ กสร.ทั่วประเทศ เข้าไปส่งเสริมเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ตอนนี้รอทางกฎหมาย และจะนัดตัวแทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างเข้ามาหารือ หลังจากที่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ตามที่กระทรวงแรงงานให้ไว้เป็นอย่างไรบ้าง หรือตามที่ข่าวออกว่า หากนายจ้างสามารถขายกิจการได้ จะนำเงินมาเยียวยา หากขายห้างออกไปแล้ว หักลบกับเงินที่จ่ายเจ้าหน้าที่ต่างๆ เหลือเงินเท่าไรเอามาจ่ายให้ลูกจ้าง ตัวเลขตรงนี้ก็ต้องมาดูอีกทีหนึ่ง” นายพงศ์เทพกล่าว