ผู้เสียหายร้อง ดาบตร.เบี้ยวค่าถมดินกว่า 2 ล้าน ขู่ไม่จ่าย อ้างสนิทคนระดับบิ๊ก
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 11 กันยายน ที่สำนักงานทนายความ Sittra law firm นางสาวศิ (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลังถูกข้าราชการตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ยศนายดาบเบี้ยวหนี้ค่าจ้างรถขนดิน ยอดเงินรวมกว่า 3,400,000 บาท
ผู้เสียหายเล่าว่า รู้จักกับนายดาบ ร. อายุ 49 ปี ผ่านทางนายช่างที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งแนะนำให้รู้จักกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยทำธุรกิจขนดินออกให้กับการก่อสร้างรถไฟฟ้า ต่อมาบริษัทรับเหมาก่อสร้างนี้ ได้รับงานสร้างรถไฟฟ้าอีกสายเพิ่ม นายช่างจึงติดต่อให้ผู้เสียหายไปทำงานด้วย และได้แนะนำให้รู้จักกับนายดาบตำรวจท่านนี้ เพราะทำธุรกิจขนดินเหมือนกัน แต่ไม่มีรถบรรทุก จึงมาว่าจ้างให้ตนเองขนดินไปยังปลายทาง ประมาณ 4-5 ที่ เริ่มว่าจ้างกันในเดือน มี.ค.2566 โดยไม่มีการวางเงินมัดจำ เพราะเห็นว่าเป็นข้าราชการตำรวจไม่น่าจะบิดพลิ้ว
กระทั่งได้ทำงานตามที่ว่าจ้างจนเสร็จสิ้น เมื่อเดือน พ.ย.2566 มียอดว่าจ้างทั้งสิ้น 3,421,100 บาท โดยนายดาบได้ชำระเงินว่าจ้างดังกล่าวแล้ว จำนวน 600,0000 บาท คงเหลือยอดค้างชำระ 2,821,100 บาท เมื่อเริ่มเห็นว่า กำลังจะถูกเบี้ยวหนี้จึงตามไปที่สถานีตำรวจและได้ทำสัญญาตกลงให้นายดาบ ดำเนินการชำระเงินว่าจ้างที่ค้างดังกล่าวให้ครบถ้วนภายในเดือน ก.ย.2567 โดยให้ผ่อนจ่ายเป็นงวดรายเดือน เริ่มจ่ายงวดแรกวันที่ 30 เม.ย.2567 เป็นต้นไป
ซึ่งงวดวันที่ 30 เม.ย.2567 ถึง 30 ส.ค.2567 จำนวน 5 งวดแรก แต่ก็ยังได้รับเงินที่ค้างชำระทั้งหมด เมื่อทำการทวงถามก็ไม่ได้รับคำตอบ และถูกบ่ายเบี่ยง ตนเองไปทวงเงินถึงสถานีตำรวจก็ไม่พบตัวนายดาบคนนี้ และได้สอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้รับคำตอบ
ผู้เสียหายเล่าอีกว่าปัจจุบัน นายดาบตำรวจคนนี้ ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ และเมื่อทวงถามเงิน มักจะอ้างว่ารู้จัก บิ๊ก ตร. และพี่ชาย ข้าราชการใหญ่ หากมาทวงเงิน หรือมากดดันให้จ่ายเงิน จะไม่ได้รับเงินเลยแม้แต่บาทเดียว ตนเป็นประชาชนทั่วไป ก็มีความกังวลและไม่กล้าที่จะไปสอบถาม จึงมาร้องทุกข์ต่อทนายความและสื่อมวลชน
สำหรับแนวทางในการต่อสู้คดี ทนายษิทรา กล่าวว่า เรื่องนี้จะไปร้องเรียนกับจเรตำรวจ เพื่อให้ตรวจสอบวินัยของนายดาบคนดังกล่าวว่าใช้เวลาในการปฏิบัติงานมาทำธุรกิจส่วนตัวหรือไม่ และการไม่จ่ายเงินเบี้ยวหนี้ก็เป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อวงการตำรวจ
นอกจากนี้จะไปแจ้งความคดีอาญาว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการฉ้อโกงหรือไม่ และจากการได้สอบถามคนที่ สน. ต่างระบุว่ามี ผู้เสียหายมาร้องเรียนนายตำรวจคนนี้เรื่องเบี้ยวหนี้อยู่หลายครั้ง หากมีผู้เสียหายถูกหลอกจำนวนมากจะต้องดูเจตนาว่าเลี่ยงคดีอาญาหรือไม่ เพราะหากมีผู้เสียหายจำนวนมากก็จะเข้าข่ายเป็นการตั้งใจหลอก ต้องรวบรวมผู้เสียหายเพื่อดำเนินคดีกับนายตำรวจคนนี้