เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลนัดไต่สวนคดีที่บริษัทไทยทีวี จำกัด โดย นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ ติ๋ม ทีวีพูล กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลประเภทช่องรายการข่าวและสาระ มีคำขอกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ถูกฟ้องคดี ระงับการดำเนินการใดๆ ในการเรียกเก็บชำระเงิน ตามหนังสือค้ำประกัน หรือแบงก์การันตีของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนถึงที่สุด ในคดีที่ บจก.ไทยทีวี ยื่นฟ้อง กสทช. เรื่องกระทำการโดยมิชอบ ละเลยต่อหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหาย กรณี กสทช.ละเลยต่อหน้าที่ตามที่แผนแม่บทกิจการวิทยุโทรทัศน์ กำหนด และผิดต่อ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ซึ่ง กสทช.ไม่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทที่วางไว้ ทั้งเรื่องการขยายโครงข่ายสัญญาณทีวีดิจิตอลที่ล่าช้า และการประชาสัมพันธ์
วันนี้ นางพันธุ์ทิพา หรือติ๋ม ทีวีพูล ผู้บริหาร บจก.ไทยทีวี เดินทางมาพร้อมกับ นายสุชาติ ชมกุล ทนายความ และคณะ ส่วน กสทช. มี น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. , นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. และ น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ ผอ.สำนักการอนุญาตการประกอบกิจการกระจายเสียง กสทช. มาร่วมการไต่สวน
ก่อนการไต่สวน นางพันธุ์ทิพา หรือ ติ๋ม ทีวีพูล กล่าวว่า เชื่อมั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรมจากศาลปกครอง โดย กสทช.นั้น ยังมี ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล รวม 9 ช่อง ที่ยื่นฟ้องอีก
ด้านนายสุชาติ กล่าวว่า กสทช. มีหนังสือถึงไทยทีวี ให้ปฏิบัติตามสัญญาชำระเงินกว่า 1,700 ล้านบาท แต่คดีที่ไทยทีวี ฟ้อง กสทช. ผิดสัญญายังมีข้อพิพาทอยู่ในชั้นศาล ต่างฝ่ายอ้างว่าผิดสัญญา ดังนั้นการที่ กสทช. มีหนังสือมาถึงไทยทีวี จึงไม่ชอบ ไทยทีวีต้องยื่นคำขอคุ้มครองชั่วคราว โดยให้ศาลระงับคำสั่งของ กสทช. ที่ให้ไทยทีวีชำระเงิน 1,700 กว่าล้าน ยืนยันว่าจะยังไม่จ่ายเงินจนกว่าจะมีคำพิพากษาจนถึงที่สุด
ภายหลังศาลใช้เวลาไต่สวนเกือบ 3 ชั่วโมง นางพันธุ์ทิพา หรือ ติ๋ม ทีวีพูล กล่าวว่า แถลงต่อศาล ว่า กสทช.ทำผิดทั้งหมด 11 ข้อ เกี่ยวกับความเสียหายที่ตนได้รับอย่างร้ายแรง ซึ่งตนได้ยกเลิกสัญญาไปแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 ทำให้ไม่มีหน้าที่ต้องชำระเงินในงวดที่ 2 หรืองวดต่อๆไป และ กสทช.ไม่มีสิทธิ์ขอให้ธนาคารจ่ายแทน เชื่อมั่นเสมอว่า กสทช. เป็นฝ่ายผิด อย่างไรก็ตามต้องรอฟังคำสั่งของศาลอีกครั้งว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
ด้าน น.ส.สุภิญญากล่าวว่า วันนี้ศาลถามว่า ถ้าสั่งคุ้มครองชั่วคราวแล้วจะกระทบกับการบริหารราชการของ กสทช.อย่างไร ตอบไปว่าจะกระทบต่อการบังคับใช้กฎกติกา กระทบต่อการบริหารราชการของ กสทช.ที่จะส่งผลไปยังบริษัทอื่นๆ รวมทั้งเกี่ยวการการประมูลคลื่นโทรคมนาคม ความถี่ 900 เมกกะเฮิร์ซ รอธนาคารการันตี โดยตนแถลงเพิ่มด้วยว่าหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว จะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่บริษัทต่างๆ พยายามประมูลราคาไว้สูง แต่สุดท้ายไม่สามารถจ่ายเงินได้ ส่วนเรื่องที่ กสทช. ยังไม่ส่งหนังสือไปยังธนาคารนั้น ได้แถลงต่อศาลว่ายังไม่ถึงขั้นที่ต้องส่งหนังสือไปยังธนาคาร แต่ส่งให้ไทยทีวีก่อนเพราะยังมีเวลาอีก 30 วัน จะครบกำหนดในวันที่ 13 มีนาคมนี้ หากครบกำหนดแล้ว กสทช.จะทำหนังสือถึงธนาคารเพื่อบังคับคดีต่อไป ส่วนที่ไทยทีวี กล่าวหา กสทช.ว่าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงจริงหรือไม่นั้น ตัวคดียังไม่มีการกล่าวถึง วันนี้เน้นเฉพาะการคุ้มครองชั่วคราวเกี่ยวกับการยึดเงินแบงค์การันตีเท่านั้น อย่างไรก็ดีหลังจากนี้ ต้องรอฟังคำสั่งของศาลต่อไปว่าจะรับคุ้มครองชั่วคราวให้กับทีวีไทยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ นางพันธุ์ทิพา หรือติ๋ม ทีวีพูล มอบหมายให้ นายสุชาติ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษา 1.เพิกถอนหนังสือ ของ กสทช. ผู้ถูกฟ้อง ฉบับลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 เรื่องการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ งวดที่ 2 และหนังสือฉบับลงวันที่ 5 มิถุนายน 2558 เรื่องการชำระค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตรายปี และฉบับลง วันที่ 22 มิถุนายน 2558 เรื่องการขอยกเลิก การเป็นผู้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นฯ และใช้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ให้ใช้คลื่นความถี่ (ค่าประมูลคลื่นความถี่)
2.ห้าม กสทช. ดำเนินการใดๆ เพื่อบังคับตามหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 รวม 16 ฉบับ และให้ กสทช. คืนหนังสือค้ำประกัน ของธนาคารดังกล่าวให้ บจก.ไทยทีวีด้วย 3.ขอให้ กสทช. คืนเงินค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ ทั้ง 2 ฉบับ ที่ บจก. ไทยทีวี ผู้ฟ้อง ได้ชำระไปแล้วเป็นเงินจำนวน 365,512,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ขอเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และให้ กสทช. ผู้ถูกฟ้อง ชำระค่าเสียหายจำนวน 713,828,282.94 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อไป ของเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และ 4.ขอให้ศาลมีคำสั่งให้การประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการธุรกิจระดับชาติ ของ กสทช. ผู้ถูกฟ้องเป็นโมฆะ พร้อมยื่นคำขอการกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวด้วย
โดยศาลปกครองกลาง ไต่สวนพิจารณาคำขอคุ้มครองชั่วคราวครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2558 แล้ว ฝ่าย บจก.ไทยทีวี พูดคุยกับ กสทช.แล้ว กสทช.ได้ยืดเวลาการออกอากาศออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมที่ต้องจอดำในวันที่ 26 กรกฎาคม 2558 โดยไทยทีวีต้องหาผู้ร่วมทุนใหม่ ส่วนเรื่องการชำระค่างวดและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตยังไม่ได้พูดถึงในรายละเอียด