วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจากการตรวจสอบแบบจำลองสภาพอากาศ (วาฟ) ของสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร (สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) พบว่า ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พื้นที่ความกดอากาศสูงจากประเทศจีน จะแผ่กำลังเข้ามายังประเทศไทยอีกระลอก โดยครั้งนี้ ลักษณะการแผ่จะกระจายเข้ามาลึกกว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีอุณหภูมิลดลงอีก โดยกรุงเทพมหานครนั้น ในช่วงเช้ามืดอุณหภูมิจะลดเหลือประมาณ 20 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิจะค่อยๆ ลดลงตั้งแต่คืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยอิทธิพลของความกดอากาศสูงนี้จะอยู่ไปจนถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม อากาศเย็นจะอยู่เฉพาะช่วงกลางคืน ถึงเช้าเท่านั้น เมื่อมีแดดออกอุณหภูมิจะค่อยๆ สูงขึ้นตามลำดับ โดยในช่วงกลางวันนั้น คาดว่าอุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 30-33 องศาเซลเซียส
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการคำนวณของวาฟ พบว่าหลังจากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่พื้นที่ความกดอากาศสูงพัดออกไปแล้ว มีแนวโน้มว่า ประมาณวันที่ 1-2 มีนาคม อิทธิพลของหย่อมความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกจะแผ่กำลังเข้ามายังประเทศไทยอีกรอบ ซึ่งคาดการณ์ว่า น่าจะเป็นระลอกสุดท้ายของปีนี้จริงๆ หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ฤดูร้อนโดยสมบูรณ์ ซึ่งความกดอากาศสูงที่แผ่อิทธิพลเข้ามายังประเทศไทยในรอบวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์นี้ นอกจากส่งผลให้อากาศเย็นครอบคลุมหลายพื้นที่แล้วยังส่งผลให้บริเวณอ่าวไวไทยมีคลื่นลมแรงอีกด้วย ประมาณการว่า น่าจะมีคลื่นสูงราว 2-2.5 เมตร ที่บริเวณชายฝั่ง จ.ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สาเหตุที่ประเทศไทย และหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน อาจจะมีสาเหตุมาจากเป็นช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงอากาศเข้าสู่ความเป็นกลาง โดยที่ผ่านมานั้น ทั่วโลกอยู่ภายใต้อิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนิโญ ซึ่งมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง แต่หลังจากนักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำทะเล ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้น พบว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลเริ่มลดลง นักวิทยาศาสตร์จึงคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ว่าภูมิอากาศจากปรากฏการณ์เอลนิโญ กำลังจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความเป็นกลาง ในช่วงหลังจากเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
