‘พชร’ดึงไต้หวัน ลุยปราบคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ กล่อมลงทุนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม นายพชร นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช. และโฆษกประจำประธาน กสทช. กล่าวภายหลังเข้าพบคารวะนายเฉิน ชุง ฉู กรรมการคณะกรรมการสื่อสารแห่งชาติของไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ในระหว่างการเดินทางในภูมิภาคเอเชีย เพื่อส่งเสริมแนวทางการทูตไซเบอร์ ซึ่งนายพชร ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำนักงาน กสทช. เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ได้แสดงความมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือในการทำงานของหน่วยงานกำกับดูแลสื่อสารและโทรคมนาคม และหารือเกี่ยวกับการประชุม GSMA M360 ที่สาธารณรัฐเกาหลี
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการทำงานระดับนานาชาติ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้ร่วมมือกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชา ขณะที่ไต้หวันถือว่ามีประสบการณ์สูงและบทบาทสำคัญ เคยเตือนถึงปัญหาการก่ออาชญากรรมผ่านการใช้ซิมการ์ดจากฮ่องกง ซึ่งกองกำลังสืบสวนสอบสวนกลาง ได้ทำการจับกุมผู้กระทำผิดไป เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567
“การเข้าพบ กสทช.ไต้หวันครั้งนี้ หารือถึงมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการปราบแก็งอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการแนะนำให้ผู้ประกอบการตัดเครื่อง SIMBOX ที่ไม่ได้จดทะเบียนออกจากระบบ การตัดสัญญาณที่ให้บริการนอกราชอาณาจักร และการออกระเบียบและการเข้มงวดตรวจตรา การลงทะเบียนระบุตัวตนในซิมการ์ดเพื่อตัดวงจรซิมม้า และหารือการพัฒนา AI ขึ้น เพื่อช่วยแยกการใช้งานของผู้บริโภคและคนร้ายอย่าง เช่น แอพพลิเคชั่น Whoscall ที่ได้รับการพัฒนาในไต้หวันเป็นแห่งแรก”
นายพชรกล่าวว่า ได้มีโอกาสหารือถึงอุปสรรคของผู้ประกอบการโทรคมนาคม ในการใช้คลื่นความถี่และ เทคโนโลยี 5G ให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการ เพราะแนวโน้มการใช้การส่งสัญญาณด้วยความเร็วสูงนั้นน้อยกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ มีประสิทธิภาพขึ้น สวนทางกับความจำเป็นต้องใช้ความเร็วของโครงข่าย และได้หารือถึงการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้บริการประชาชน เช่น การทำให้เกิดเมืองอัจฉริยะ หรือ IoT/Smart city และบริการการแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine ที่จะเป็นตัวเร่งความต้องการความเร็วจากโครงข่าย 5G อีกทั้งยังหารือถึงแนวทางการส่งเสริมพัฒนาผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนโครงข่ายเสมือน หรือ MVNOs และเมื่อร่วมกับการใช้ Killer APP ของ Big Tech แล้ว ความคุ้มทุนจะทำให้อัตราการใช้บริการลดลง และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย
นายพชรกล่าวอีกว่า ได้มีโอกาสเข้าพบ น.ส.กัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) หารือถึงความสนใจของนักลงทุนไต้หวันในธุรกิจดิจิทัลและโทรคมนาคมในประเทศไทย รวมถึงชักชวนบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์เทคโนโลยี การสื่อสารในไต้หวัน เพื่อผลักดันการส่งเสริมการค้าและลงทุนในประเทศไทยอีกด้วย
“บริษัทใหญ่ในไต้หวันให้ความสำคัญกับประเทศไทย เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน เราพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และมีโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ไฟฟ้า น้ำ ระบบโลจิสติกส์ และสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงมีตลาดที่พร้อมรองรับการผลิตและอุตสาหกรรมดิจิทัลขั้นสูง ตามนโยบายของรัฐบาลและทีมประเทศไทย ที่จะต้องช่วยกันทำให้เกิดเป็นรูปธรรมให้ได้โดยเร็วที่สุด ขณะนี้ได้เห็นสัญญาณดีจากการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตแผงวงจรและดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) ที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท” นายพชรกล่าว