เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการต่อแถวเพื่อเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยประชาชนทุกสารทิศทยอยเดินทางมาตลอดทั้งวันไม่ขาดสาย นั่งรอที่เต็นท์จุดรอคอยที่นามหลวงฝั่งทิศเหนือ ท่ามกลางอากาศร้อนถึงจัดจัดตลอดทั้งวัน ประชาชนบางส่วนถือโอกาสก่อนเข้ากราบพระบรมศพไปต่อแถวเต็นท์ ซ.เพื่อเข้าชมนิทรรศการ “เย็นศิระ เพราะพระบริบาล” เช่นเดียวกับคณะบุคคล หน่วยงาน สถาบันการศึกษาต่างๆ ที่มาชมนิทรรศการอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) แจ้งว่า ยอดประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล ตั้งแต่เปิดให้เข้าชมวันแรกในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 6 มีนาคม มีทั้งสิ้น 102,353 คน มีคณะเข้าชม 131 คณะ เฉลี่ยมีผู้เข้าชมนิทรรศการ 4,000 คนต่อวัน มีคณะเข้าชมนิทรรศการประมาณ 10 คณะต่อวัน และจัดให้เข้าชมรอบละ 100 คน ทั้งนี้ ระยะหลังมีสถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และองค์กรในโครงการพระราชดำริติดต่อขอเข้าชมเป็นหมู่คณะมากขึ้น ซึ่งทาง กปร.ได้เตรียมพร้อมด้วยการเพิ่มวิทยากรในการสร้างความรับรู้ความเข้าใจก่อนเข้าชม เล่าถึงรายละเอียดนิทรรศการ เพื่อสร้างความน่าสนใจแก่ผู้เข้าชม ขณะเดียวกันเรายังมีเอกสารแจกให้ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะ อาทิ ทฤษฎีและแนวคิดของในหลวง ร.9 ศาสตร์พระราชาว่าเกี่ยวกับการพัฒนาต่างๆ อย่างไรก็ตาม ประชาชนและคณะต่างๆสามารถเข้าชมนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาลได้ทุกวันระหว่างเวลา 07.00-19.00 น.
ด้าน นางพิศวง สันแสนดี อายุ 71 ปี ชาวเขตคลองสาน กรุงเทพฯ กล่าวภายหลังเข้าชมนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาลเป็นครั้งที่ 13 ด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า นิทรรศการดังกล่าวดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ มากี่ครั้งก็มีความสุขเพราะถือว่าได้มาหาพ่อ วันไหนไม่ได้มาจะหงุดหงิดมากกว่า ขณะที่การจัดแสดงนิทรรศการดิฉันชอบทุกส่วน มาดูแต่ละครั้งก็น้ำตาไหลจนไม่มีน้ำตา ทั้งนี้ หากถามถึงความประทับใจที่มีต่อพระองค์ ต้องบอกว่ามีเยอะมาก แต่ที่จารึกไว้ในชีวิตจริงๆคือ การที่พระองค์ทรงช่วยดิฉันให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ตอนดิฉันอายุ 20 กว่าๆ ชีวิตลำบากมาก เพราะเงินไม่มี บ้านที่เช่าอยู่พอไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าเขาก็จะไล่ออก ลูกก็ยังเล็กๆ ช่วงนั้นเป็นอะไรที่เครียดมาก จนมานึกถึงในหลวงร.9 ทุกวันนี้บอกลูกๆว่าที่เรามีกิน มีอยู่ ก็เพราะพระองค์ ฉะนั้นจึงอยากตอบแทน โดยที่ผ่านมาก็พยายามไปเฝ้าฯ รับเสด็จ ไปช่วยกวาดใบไม้ เก็บธูปที่โรงพยาบาลศิริราช มาลงนามถวายพระพรที่ศาลาสหทัยสมาคมแทบทุกวัน ช่วงหลังที่งานพระบรมศพ ก็มาเป็นจิตอาสาบรรจุห่อข้าวพอเพียง จิตอาสาทำดอกไม้จันทร์ หรือมีให้ช่วยทำอะไรเพื่อพระองค์ก็ไปหมด” นางพิศวงกล่าวและว่าจริงๆ ทุกวันนี้ยังกลับไปที่โรงพยาบาลศิริราช ไปช่วยกวาดใบไม เก็บธูป แม้พระองค์จะไม่ได้ประทับที่นั่นแล้ว แต่ความรู้สึกของดิฉันก็ยังเหมือนเดิมที่ได้ไป คือรักและคิดถึงพระองค์
