เมื่อวันที่ 7 มีนาคม คณะครูจากประเทศภูฏาน จำนวน 25 คน ที่เดินทางมาอบรมหลักสูตรครูประถมศึกษาต้นแบบกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาชมนิทรรศการ “เย็นศิระ เพราะพระบริบาล” และกราบถวายสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 โดย นางเชอริง แท๊งซั้ม หนึ่งในครูประถมจากภูฏาน กล่าวว่า ทุกคนรับทราบและซาบซึ้งพระราชกรณียกิจในหลวง ร.9 ที่ทรงมีมากมายในประเทศไทยและประเทศภูฏาน จนชาวภูฏานให้ความเคารพพระองค์เหมือนเป็นพระมหากษัติรย์ของภูฏาน และสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ก็ทรงเคารพพระองค์อย่างมาก ตอนที่พระองค์สวรรคตทางประเทศภูฏานโดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ทุกโรงเรียนจัดพิธีถวายความอาลัยเป็นเวลา 3 วัน กระทั่งโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลก็ร่วมถวายอาลัยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การมาครั้งนี้ถือว่าความฝันได้กลายเป็นจริง เพราะอยากจะมากราบพระบรมศพในหลวงร.9 แต่คิดว่าไม่มีโอกาส ก็ขอบขอบคุณหน่วยงานของไทยที่พามาในครั้งนี้
รศ.ดร.จีระพันธุ์ พูลพัฒน์ ที่ปรึกษาหลักสูตรการศึกษาประถมวัยและการประถมศึกษา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ในฐานะครูคนไทยที่นำมา เปิดเผยว่า ครูชาวภูฏานมาฝึกอบรมครูที่ประเทศไทย โดยเป็นครูต้นแบบที่คัดเลือกมาแต่ละจังหวัด ซึ่งพวกเขาอยากมากราบสักการะพระบรมศพมาก เป็นความฝันของชาวภูฎาน โดยระหว่างรอแถวที่ท้องสนามหลวง ได้เข้าชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาร เมื่อครูชาวภูฎานได้ดูวีดิทัศน์ก็ถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะเขารู้สึกเสียใจไม่ต่างกับคนไทย
รศ.ดร.จีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า เขาก็รักกษัตริย์ของเขาเหมือนกับที่เรารักกษัตริย์ของเรา และกษัตริย์ของเราก็เป็นที่รักและเคารพของชาวภูฎานเช่นกัน เมื่อในหลวง ร.9 สวรรคต ทางโรงเรียนได้หยุดทั่วประเทศ 1 วันเพื่อแสดงความอาลัยอย่างยิ่ง
นายซันเกย์ เทเชอริง ครูชาวภูฏาน วัย 40 ปี บอกเล่าถึงความรู้สึกที่ได้มากราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า ตื้นตันใจ รวมถึง รักและเคารพในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีนะหว่างพระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนาน ความรู้สึกที่ทำให้ตนเองรักพระองค์ท่านมากคือ การที่พระมหากษัตริย์จิกมี เสด็จฯ มาเยือนประเทศไทยบ่อยๆ ทำให้ตนเองอยากที่จะมาเคารพพระบรมศพในครั้งนี้
“ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ตนเองและชาวภูฏานรู้สึกเสียใจมาก โดยประเทศภูฏาณร่วมไว้อาลัยด้วยการลดธงครึ่งเสาไปพร้อมๆ กับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนเองได้ติดตามข่าวสารเหี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทยและคนไทยมาโดยตลอดทั้งผ่านหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ จนเกิดความประทับใจโดยเฉพาะในเรื่องที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานหนัก และเสด็จฯ ไปยังถิ่นทุรกันดารของประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือประชาชน ตรงนี้เองที่ทำให้รักในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก ท้ายสุดนี้อยากบอกกับคนไทยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงามและเต็มไปด้วยผู้คนที่จิตใจดี ตนคิดว่าการจากไปของในหลวง รัชกาลที่ 9 ครั้งนี้ จะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และตัวเองก็จะเป็นสวฝ่วนหนึ่งที่ช่วยให้กำลังใจในฐานะคุณครูด้วยการนำเรื่องราวที่ตัวเองได้มาในวันนี้ไปบอกต่อกับเด็กๆ ในโรงเรียน” ครูหนุ่มชาวภูฏาน
นางสาวหลินเฉิน เดมา อายุ 26 ปี ครูชาวภูฏานที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ และเยี่ยมชมนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้เดินทางมาเคารพพระบรมศพจากโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยให้การสนับสนุน ในส่วนของการเดินทางมาเคารพพระบรมศพวันนี้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล เห็นโครงการต่าง ๆ ที่พระองค์ที่รงงานหนักเพื่อคนไทยทำให้ตนร้องไห้ ซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ชาวภูฏานส่วนใหญ่รู้จักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นอย่างดี
“พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญไม่ใช่เฉพาะเพียงต่อชาวไทยเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงยึดถือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นแบบอย่าง ในการทรงงานหนักเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของราษฎร ส่วนตนในฐานะครูรู้สึกประทับใจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพราะพระองค์ทรงให้การสนับสนุนจัดตั้งโรงเรียนในประเทศภูฏานซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนที่ยากจนแบะอยู่พื่นที่ห่างไกล ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียใจอย่างมากกับชาวไทยที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง อย่างไรก็ตามอยากให้ชาวไทยปฏิบัติตนเหมือนกับตอนพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เพราะพระองค์ยังคงสถิตย์อยู่ในใจของพวกเราเสมอ อยากให้คนไทยเดินหน้าต่อไปตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ ส่วนตนจะนำเรื่องราวความประทับใจของการเดินทางมาเคารพพระบรมศพวันนี้ไปบอกเล่าให้ครอบครัว เพื่อน ๆ และเด็กนักเรียนไกฝด้รับรู้ด้วย” นางสาวหลินเฉิน กล่าว
