เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พสกนิกรจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางมากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
โดย นายสุรพล ชื่นอารมย์ อายุ 67 ปี อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.).และสมาชิกชมรมผู้สูงอายุต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของทางกลุ่มที่ได้มีโอกาสเข้าสักการะ เนื่องจากเพิ่งเสร็จสิ้นจากการทำนาจึงพอมีเวลาว่างที่จะเข้ามากรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อได้เข้าสักการะแล้วรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก เพราะอยากมาตั้งนานแล้ว การมากราบสักการะพระองค์ ก็เปรียบได้กับการทำหน้าที่ของคนที่ไทย ที่อย่างน้อยควรมาสักครั้งหนึ่งในชีวิต และตั้งใจว่าหากมีโอกาสก็จะมากราบสักการะพระองค์อีก
“พระองค์ถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตให้แก่ราษฎร ทรงทำงานหนัก เสียสละพระวรกาย พระราชทรัพย์ ชีวิตส่วนตัว เพื่อมาบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนชาวไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งยังได้พระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้ทุกครัวเรือนนำไปปฏิบัติ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ได้ยึดหลักการนี้ในการดำเนินชีวิต โดยนอกเหนือจากการทำนาแล้ว ชาวบ้านยังได้มีการทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชหลากหลายทั้งมะเขือ แตงกวา ถั่วฝักยาว ถั่วเขียว ถั่วเหลือง พอมีเหลือกินเหลือใช้ก็นำไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน บางส่วนก็นำไปขายยังตลาด ช่วยสร้างรายได้แถมลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายสุรพลกล่าว
นางประไพ ยอดดำเนิน อายุ 58 สมาชิกชมรมผู้สสูงอายุต.แพรกศรีราชา กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ เกษตรกรและชาวบ้านในพื้นที่ ยังยึดหลักการรวมกลุ่มตามแนวทางของพระองค์เป็นชมรมผู้สูงอายุ นำผลิตภัณฑ์ที่ปลูกขึ้นได้มาเเปรรูปต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น กล้วยที่ปลูกก็นำได้ก็นำไปแปรรูปเป็นกล้วยตาก กล้วยฉาบ กล้วยอบ กล้วยอบเนย ส่วนพืชสมุนไพรที่ปลูกได้ตะไคร้ มะกูด คูคาลิปตัส เปลือกส้มโอจากเหลือใช้ ก็นำมาทำเป็นยากันยุง รวมทั้งนำเปลือกแตงโมงมากวนเป็นลูกอม จนปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มทำได้สามารถยกระดับเป็นสินค้าโอทอป สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านจำนวนมหาศาล
นายชัชจ ชัชวาลานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ช่วยช่างโยธา เทศบาลตำบลท่าน้ำอ้อยม่วงหัก อ.พยุหะคีรี จ. นครสวรรค์ กล่าวว่า ทางเทศบาล ได้ร่วมกับโรงงานปลาร้าจ่าวิรัช ของฝากจากจ.นครสวรรค์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ จำนวน 35 คนนำปลาร้าทรงเครื่อง แจ่วปลาร้า พร้อมข้าวเหนียว และผักเคียง จำนวน 5,000 ชุดมาแจกให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ณ บริเวณเต็นท์ตำรวจสอบสวนกลาง ฝั่งตรงข้ามประตูเทวาภิรมย์ ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ทางเทศบาลได้นำมาแจกให้แก่ประชาชน และคิดว่าหากมีโอกาสก็จะนำมาแจกอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพ
“เหตุผลที่ทางเทศบาลได้นำอาหารมาแจกให้แก่ประชาชน ก็เนื่องจากทางนางไพลิน โตอิ้ม นายกเทศมนตรีได้มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมศพ แล้วเห็นว่ามีประชาชนจำนวนมากที่เข้ากราบสักการะเช่นกัน อาจทำให้อาหารอาจไม่เพียงพอ จึงได้ติดต่อไปยังเต็นท์ตำรวจสอบสวนกลางเพื่อขอใช้สถานที่ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี การนำอาหารมาแจกให้แก่ประชาชนก็เป็นเพียงส่วนเล็กที่ ประชาชนชาวไทยพอจะทดแทนพระคุณของพระองค์ได้”นายชัชจ กล่าวและว่า
เมื่อทราบข่าวการสวรรคตของพระองค์ ชาวเทศบาลตำบลท่าน้ำอ้อยม่วงหัก ล้วนเสียใจมาก เทศบาลจึงได้จัดรถฟรีให้แก่ประชาชนที่ต้องการมากราบสักการะพระบรมศพทุกคน ซึ่งมีมากกว่านับ 10 ครั้ง นอกจากนี้เทศบาลยังมีแผนที่จะเดินตามแนวพระราชดำริเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระองค์ ซึ่งต้องยอมรับว่า ปัจจุบันเกษตรในพื้นที่กว่า 90% ปลูกข้าวเชิงเดี่ยวเป็นหลัก เมื่อเกิดปัญหาน้ำแล้ง ราคาข้าวตกต่ำ จึงประสบปัญหาความยากลำบากในชีวิตมาก จากนี้ไปเทศบาลจะพยายามส่งเสริมให้ปลูกพืชหลากหลาย ปลูกถั่วสลับในช่วงพักจากการทำนา ปลูกพืชอื่นๆ อย่างกล้วยหอมทอง เพื่อลดความเสี่ยงตามแนวทางพระราชดำริของพระองค์
สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 8 มีนาคมหลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง มีจำนวนทั้งสิ้น 29,976 คน รวม 126 วัน มี 5,060,038 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,169,577.25 บาท รวม 126 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 426,308,751.59 บาท
