เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 135 ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศแต่งกายชุดสีดำสุภาพ โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ส่วนใหญ่ใช้เวลาในวันปิดการภาคเรียนมาต่อแถวรอกราบถวายสักการะจำนวนมาก ทั้งนี้ ในช่วงเช้าพบว่าฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก จากนั้นตั้งแต่ช่วงบ่ายแดดร้อนตลอดทั้งวัน
นายสมควร เหล่าเขตกิจ ข้าราชการบำนาญครู วัย 60 ปี กล่าวว่า ได้เดินทางมาพร้อมญาติและหลานๆ จำนวน 12 คน โดยได้ลงขันกันคนละ 300 บาทเพื่อเหมาเช่ารถตู้และออกเดินทางจาก อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่เวลา 02.00 น. มาถึงบริเวณท้องสนามหลวงเวลา 05.00 น. สำหรับตนเดินทางมาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ญาติๆ และหลานๆ ยังไม่เคยเดินทางมา
“ในหมู่บ้านของเราส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ ทำไร่และทำสวน ซึ่งที่ผ่านมาเราพยายามยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ตอนแรกก็ไม่รู้จักคำว่าพอเพียงว่าคืออะไร ทำให้ผลผลิตได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่เราก็ลองผิดลองถูกมาตลอด จนเข้าใจคำว่าพอเพียงเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงการเกษตรยังชีพอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงด้วย จนปัจจุบันชาวบ้านก็ประสบความสำเร็จทางการเกษตร และลูกหลานผันตัวมาเป็นเกษตรกร ส่วนตนเคยเป็นข้าราชการครูมาก่อน ขณะที่เป็นครูอยู่นั้นก็ได้น้อมนำคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในชีวิตเสมอ อย่างขณะเป็นครูก็พยายามสั่งสอนลูกศิษย์ให้รู้จักโครงการพระราชดำริของท่าน เด็กๆ บางคนก็ทำตาม เช่น การใช้ยาสีฟันจนหมดหลอด และแม้ทุกวันนี้ไม่ได้เป็นครูแล้ว แต่ความเป็นครูยังคงอยู่ ดังในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงเป็นครูของประชาชนเสมอ โดยใช้ประสบการณ์จากชีวิตข้าราชการมาสอนเด็กๆ ในหมู่บ้านและลูกหลานของตน” ข้าราชการบำนาญครูกล่าว
ด้าน นางยุรดา โนโดชานิ อายุ 39 ปี ชาวไทยที่ไปใช้ชีวิตในประเทศสวีเดนนาน 3 ปี เผยว่า ตั้งใจเดินทางกลับมาเมืองไทยครั้งนี้เพื่อกราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้มีโอกาสมากราบรู้สึกดีใจและเสียใจที่พระองค์จากไป แม้อากาศร้อนก็ไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะเรามาด้วยใจและคนอื่นๆ ก็ยังอดทนได้ ตอนที่ทราบข่าวว่าพระองค์เสด็จสวรรคต ตอนนั้นยังไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้รับทราบข่าวจากทีวีโกลบอล เน็ตเวิร์ก และญาติๆ แจ้งข่าวมาให้ทราบ โดยส่วนตัวได้ยึดหลักคำสอนของพระองค์มาตลอด ทั้งเรื่องการรู้จักหน้าที่ของตัวเองและการเป็นคนดีของสังคม เพราะตลอดชีวิตเห็นพระองค์มาตั้งแต่เด็ก เห็นพระองค์ทรงถืออุปกรณ์เครื่องมือเสด็จฯไปยังสถานที่ทุรกันดารต่างๆ ซึ่งคนอื่นไม่สามารถทำเหมือนพระองค์ได้
“สามีที่เป็นชาวสวีเดนก็รู้จักในหลวงรัชกาลที่ 9 จากที่เราได้เล่าให้ฟัง จากตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนไทยถึงรักพระองค์ แต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เขาได้เห็นคนไทยมารวมตัวกันแสดงความอาลัยต่อพระองค์ อีกทั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ได้ทรงเป็นที่รู้จักเฉพาะคนไทย แต่ต่างชาติก็รู้จักพระองค์กันทั่วโลก เพราะไม่มีพระมหากษัตริย์ประเทศใดเหมือนกับพระองค์อีกแล้ว จนสามีได้เอ่ยบอกว่า อยากมากราบพระบรมศพด้วย โดยจะสลับกันให้ตัวเองกลับไปก่อน แล้วเขาก็จะเดินทางมาเมืองไทย” นางยุรดากล่าว
สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ มื่อวันที่ 16 มีนาคม หลังปิดเวลา 21.20 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 30,760 คน รวม 134 วัน มี 5,307,333 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,198,879.75 บาท รวม 134 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 444,184,900.59 บาท
