เมื่อวันที่17 มีค. พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน รอง ผบช.ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ เดินทางเป็นประธานเปิดกิจกรรมงานกุศล โดยองการบริหารส่วนตำบลสะดาวา ร่วมกับนักเรียนและคณะครูโรงเรียนบ้านศาลาสอง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ร่วมจัดกิจกรรมสมทบเงินช่วยพัฒนาโรงเรียน ภายใต้ชื่อภาษาท้องถิ่นว่า “ มาแกแต “ มากเกนาซิกาบู” โดยเงินการกุศลจากการจัดเลี้ยงน้ำชาและข้าวยำนั้น จะนำไปช่วยเหลือซ่อมแซมสถานที่ละหมาดในโรงเรียน การปรับปรุงคูระบายน้ำรอบๆ โรงเรียนให้มีขนาดใหญ่ และสามารถระบายน้ำได้สะดวก เนื่องจากที่ผ่านมาอุปกรณ์การเรียนการสอนเสียหาย จากสภาพพื้นที่มักเกิดน้ำท่วมทุกปี
กิจกรรมในครั้งนี้ได้นำนักเรียนมาร่วมเป็นผู้คอยนำส่วนประกอบต่างๆ ของข้าวยำคอยบริการให้กับผู้ใหญ่ใจดีที่เดินทางมาร่วม และจำหน่ายข้าวยำ 10 บาท ไข่ต้มใบละ 5 บาท ข้าวเกรียบปลาหลังเขียวทอดถุงละ 10 บาท และจำนวนเงินนั้นก็แล้วแต่ผู้มีจิตศรัทธาจะร่วมบริจาค โดยมีหน่วยราชการทั้งท้องที่ท้องถิ่นและชาวบ้านมาร่วมกิจกรรมตลอดทั้งวันจำนวนมาก
และหลังเสร็จสิ้นการเปิดพิธี พล.ต.ต.พัฒนวุธ รอง ผบช.ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ เดินเยี่ยมชมครัวข้าวยำ ระหว่างนั้นนางวิมลลวัลย์ จุลพรหม ผอ.โรงเรียนและนางสาววิวล เจ๊ะอุบง นายก อบต. เป็นสองเจ้าภาพใหญ่ทำการผสมข้าวยำหนึ่งจาน จากนั้นเดินถือไปให้ผู้คนมาร่วมงานประมูล และเพียงคิดสร้างความสนุกสนานเท่านั้น แต่ถึงกับอึ้ง เพระราคาข้าวยำปกติขายในหมู่บ้านจานละ 5 – 10 บาทเท่านั้น โดยการประมูลมีผู้ร่วมตั้งแต่ราคาจานละ 1,000 บาท และมีผู้ประมูลสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็น 5,000 – 7,000 – 10,000 – 20,000 จนสูงสุดที่ 50,000 บาท และ
พล.ต.ต.พัฒนวุธ รอง ผบช.ที่มาเป็นประธานเปิดงานนั้นเอง เดินแทรกตัวออกมาพร้อมคำพูดว่าไม่อยากให้ใครและด้วยความต้องการจะตอบแทนคุณแผนดิน ซึ่งตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายร้อยได้มาบรรจุทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีเป็นที่แรกและภรรยาก็เป็นคนพื้นเพ โดยหลังมารับตำแหน่งรอง ศตช.จึงเป็นโอกาสประมูลช่วยเหลือการศึกษาของเด็กๆ แต่ไม่จบเท่านั้นเพราะเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงที่ยืนแถวร่วมเปิดงานบนเวทีนั้น แท้จริงแล้วคือคุณนายติดตามมาด้วย จึงรีบเดินไปถามว่า ท่านรองประมูลข้าวยำ 1 จาน แถมไข่ต้ม 3 ลูก ราคาสูงถึง 50,000 บาท ไม่ทราบว่าได้ปรึกษาก่อนหรือไม่ คำตอบคือไม่และบรรยากาศต่างสร้างความสุขสนุกสนาน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าการกินข้าวยำคู่ไขต้มนั้นพบเห็นคุ้นตา แต่ชาวบ้านที่นี้จะมีวัฒนธรรมอีกอย่างคือ กินข้าวยำและข้าวเกรียบปลาหลังเขียวทอดด้วย จากการสอบถามจึงรู้ว่าเป็นเหมือนการกินแค๊ป กรอบๆ เพิ่มความอร่อยได้อย่างมาก แต่ข้าวยำที่อร่อยครบรสนั้นจะขาดไปไม่ได้ หากขาดน้ำบูดูเขี้ยวจนข้น เป็นต้นฉบับเฉพาะสูตรของคนพื้นที่สะดาวาแห่งนี้
