โซเซียลเดือด ฐปนีย์ โพสต์ ว่าใคร พาดหัวข่าว อย่ามารับบทเหยื่อ ลั่น ทำไมด่วนสรุป
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ น.ส.ฐปนีย์ เอียดศรีชัย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว #TheReporters โพสต์โซเชียลเดือด หลังจากสำนักข่าวดังแห่งหนึ่ง ได้นำเสนอข่าว การเข้าไปช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากการบุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 260 คน โดยเฟซบุ๊ก ของ น.ส.ฐปนีย์ ได้นำส่วนหนึ่งของภาพชายคนหนึ่งที่ถูกช่วยเหลือออกมา แล้วนำคำพาดหัวของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่ระบุว่า “อย่ามารับบทเหยื่อ” พร้อมทั้งระบุด้วยว่า
ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังช่วยกันสร้างวาทกรรมลอยนวลพ้นผิดหรือไม่
#อย่าสร้างวาทกรรมลอยนวลพ้นผิด
ทั้งนี้ ในเนื้อหาที่ น.ส.ฐปนีย์ โพสต์นั้น มีดังต่อไปนี้
‘อย่ามารับบทเหยื่อ‘
คำพาดหัวข่าวของสื่อสำนักหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังช่วยกันสร้างวาทกรรมลอยนวลพ้นผิดหรือไม่
#อย่าสร้างวาทกรรมลอยนวลพ้นผิด
รัฐไทยกำลังมีส่วนร่วมกับการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายมากๆ หากพยายามเบี่ยงเบนประเด็น สร้างชุดความคิดว่า ชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในเมืองสแกมเมอร์ ไม่ใช่้หยื่อค้ามนุษย์ เต็มใจไปทำงาน ไม่ได้ถูกหลอก
เอาแค่หลักฐาน 260 คนที่ได้รับการช่วยเหลือมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใช่เหยื่อค้ามนุษย์
ทั้งตำรวจและสื่อไทยเข้าใจนิยามการค้ามนุษย์กันแค่ไหน ถึงได้พาดหัวข่าวแบบไร้สำนึกของความเป็นมนุษย์
ได้สัมภาษณ์เหยื่อทั้ง 260 คนเองหรือไม่ แม้จะมาอ่านข่าวตามการให้สัมภาษณ์ของตำรวจ ก็ควรที่จะดูข้อเท็จจริงในด้านของเหยื่อบ้าง ได้สัมภาษณ์พวกเขาเองไหม พวกเขาไม่มีสิทธิจะพูด ยิ่งเมื่อถูกเข้าสู่ระบบการคัดกรอง เราไม่รู้เลยว่าคำถามการคัดกรองจะชี้นำไปในทิศทางใด
ถ้ามีข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งต้องนำเสนอกัน ในฐานะที่เราเป็นสื่อที่ได้สัมภาษณ์คน 260 คน ด้วยตัวเอง และมีภาพหลักฐานการถูกทำร้าย ก็อยากนำเสนอเพื่อให้ได้รับฟังกันให้รอบด้าน
ในภาพนี้เป็นร่องรอยการถูกทำร้ายของเหยื่อชาวบราซิล และเคนยา ที่พวกเขาหนีออกมาจากบริษัทสแกมเมอร์ในบ้านช่องแคบ และ DKBA ช่วยเหลืออกมาอย่างปลอดภัยก่อนส่งให้ทางการไทย
ทุกคนตอบตรงกันว่าได้รับการชักชวนให้มาทำงานในไทย ในหน้าที่ต่างๆ เพราะได้เงินดีถึงมา แต่เมื่อมาถึงก็ถูกพาข้ามมาที่เมียวดี โดยที่ไม่รู้จัก และให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์ เมื่อไม่ยินยอมก็ถูกทำร้ายร่างกายด้วยการชอตไฟฟ้า ทุบตี ใช้พลาสติกร้อน บางคนถูกยิงถ้าจะหลบหนี
เราอย่าหลงประเด็นค่ะ
เราอย่าไปปกปิดความผิดให้อาชญากรเหล่านี้
ด้วยการไปชี้นำว่าก็พวกเขาเต็มใจมาทำงาน
ต่อให้เต็มใจหรือถูกหลอกมา
พวกเขาไม่สมควรต้องถูกทารุณกรรม
หรือถูกทำร้ายร่างกายแบบนี้
อย่าไปฟอกขาวให้อาชญากร
หรืออยากปกปิดความผิดที่รู้กันดีว่า
ชาวต่างชาติเหล่านี้เข้ามาในไทย
เจ้าหน้าที่รัฐไทยคนไหนล่ะ
ปล่อยปละละเลยจนเป็นแบบนี้
เราต้องช่วยกันตั้งคำถามแบบนี้ค่ะ
เราต้องช่วยกันค้นหาความจริง
ว่าเหตุใดคนพวกนี้ถึงมีสภาพแบบนี้
อย่าให้ประเทศไทยต้องดูน่าอับอายไปมากกว่านี้
เราเป็นประเทศที่มีน้ำใจ
ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
พอช่วยเขามาได้แล้ว
อย่าไปบิดเบือนว่าเขาไม่ใช่เหยื่อ
เพียงเพราะอยากปัดความผิดให้พ้นต้นตัว
หรือจะติดนิสัยในการสร้างวาทกรรมลอยนวลพ้นผิด
เราสัมภาษณ์เหยื่อมามาก
จะรวบรวมหลักฐานนำเสนอต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ น.ส.ฐปนีย์ หรือ แยม ได้โพสต์เรื่องนี้ออกไป มีชาวโซเชียลจำนวนมาก ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง ระบุว่า
เหยื่อไม่เหยื่อก็บอกอยู่ว่าให้ไปตามดูทรัพย์สินรอบตัวของเหยื่อสิว่าครอบครัวมันรวยขึ้นไหมถ้ามันยังปกติดีอยู่มันก็คือเหยื่อแต่ถ้ามันรวยขึ้นมันไม่ใช่เหยื่อมันคัดกรองได้ไม่ยากเลยถ้าคิดจะคัดกรองกันจริงๆส่วนตัวทุกคนที่ไปไม่ใช่เหยื่อครับเพราะพวกมึงหลอกเค้าทั้งนั้นมึงกลับมาประเทศไทยไม่โดนเหยื่อที่มึงหลอกเค้าไปกระทืบมึงตรงชายแดนก็บุญทูนหัวเท่าไหร่แล้วกลับมาได้ครบ 32 ก็ดีเท่าไหร่แล้วอย่ามาถามหาความรักความเมตตา
หรือ อีกคนหนึ่งที่ระบุว่า
แล้วถามว่าเราควรต้องทำตัวยังไงเหรอคะ?
ควรเก็บเค้ามาเลี้ยง ให้อยู่อาศัยในไทยตามที่เค้าต้องการกันไปเลยเหรอคะ?
ต้องให้เงินช่วยเหลือด้วยมั้ย?
เลี้ยงดูปูเสื่อให้สำราญกันไปเลยมั้ย?
คนพวกนี้ก็มีความตั้งใจมาเองส่วนนึง
และถูกหลอกอีกส่วนนึงในคนๆ เดียว
ตั้งใจมาทำงาน แต่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวมา ไม่ได้มีการทำวีซ่าทำงานและ work permit มาจากต้นทาง
อันนี้ก็น่าจะเอ๊ะ ได้แล้วว่างานแบบนี้มันผิดปกติ แสดงว่าก็มีความตั้งใจมาอยู่แบบผิดประเภทวีซ่าแต่แรก แถมบอกค่าแรงสูงอีกยิ่งน่าเอ๊ะไปใหญ่ แต่ก็ยังมากัน
อันนี้เราควรมีการรีมาร์คไว้ในประวัติเข้าประเทศว่าตั้งใจเข้ามาใช้วีซ่าผิดประเภทว่าไปตามความผิด
พอมาถึงแล้วถูกหลอกพาไปพม่า ถูกทำร้ายร่างกาย แทนที่จะอยู่ดีกินดี ส่วนนี้เราก็เยียวยาเค้าโดยการให้การรักษาอาการบาดเจ็บตามสมควรก่อนการส่งตัวกลับไปประเทศต้นทาง ยังต้องให้การช่วยอะไรอีกเหรอ?
อย่าลืมว่าเราโดนคนอื่นทั้งใส่ร้าย ทั้งทำให้เสื่อมเสีย เสียงบประมาณไปช่วยเค้ามานะ
คือมีแต่เสียกับเสีย ยังต้องไปสงสารคนที่มีความตั้งใจจะเข้ามาอยู่ทำงานแบบเถื่อนแต่แรกเองอีกเหรอ
(แค่นี้ก็มีพวกนี้เยอะแยะทั่วประเทศแล้ว เข้ามาแบบฟรีวีซ่า อยู่ทำงานหาเงินจนครบเวลาออกไปต่อเวลาตามชายแดนเป็นล่ำเป็นสัน)
หรืออีกคนที่ระบุว่า
ทุกอย่างสามารถทำให้ยุติธรรมได้ หากทุกคน”สำนึกหน้าที่ของตนเอง” ยกตัวอย่าง คนต่างชาติที่เข้ามาขอความช่วยเหลือจากไทย ไม่ได้มีคดีึความหลอกลวงคนไทย สำหรับคนไทย การที่เค้าอธิบายตนเองว่าถูกหลอก ถูกบังคับ เราก็ควรจบแค่นั้นแล้วรีบส่งเค้ากลัประเทศไป แต่หลังจากกลับประเทศตนเองแล้ว ทางรัฐบาลของเขา จะตัดสินใจเองว่าควรเป็นผู้ต้องหาหรือไม่ ต่างคนต่างรู้จักหน้าที่ตนเองคือจบ ดังนั้นการที่ “มีสื่อ” ไปกล่าวหาว่า เค้าไม่ใช่เหยื่อ นั่นคือ “เสือกเกินหน้าที่” เท่านั้นครับ ยกเว้นคุณมีหลักฐานระบุแต่ละตัวบุคคลว่ากระทำผิดในฐานะผู้ได้รับผลประโยชน์อย่างไร แล้วนำเสนอมา จึงจะไม่โดนว่า”เสือก” ครับ
หรืออีกคน
ส่วนตัวมองว่าทางการไทยรีบสรุปไปหน่อย การตรวจสอบว่าโดนหลอกหรือให้ความร่วมมือจริงๆก็ใช้เวลา ไม่ว่าจะการตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนๆนั้น การเงินของครอบครัวและอื่นๆ แต่นี่ 200 กว่าคนใช้เวลาแค่ข้ามวันตรวจฟันธงแล้วเร็วไปมั้ย
น.ส.ฐปนีย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ มติชนออนไลน์ ว่า เรื่องนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัด บอกกับตนว่า ทั้งหมดยังไม่มีข้อสรุป ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ชาวบราซิล และเคนยานั้นตนสัมภาษณ์มาเอง ยืนนันตามที่ตนได้โพสต์ ว่า อย่าไปปรักปรำหรือให้ร้ายว่าเขาทำความผิดแล้วแกล้งทำเป็นเหยื่อ